ยูโร2016กลุ่มเอ ‘ฝรั่งเศส’เต็งจ๋า-‘สวิส’ยังดีพอเข้ารอบ- ‘โรมาเนีย-แอลเบเนีย’ไม่น่ารอดรอบแรก

แม้จะโดนพิษ “ฉาว” จากคดีเซ็กซ์เทป, โด๊ปยา และโรคเดี้ยงเล่นงาน จนไร้แข้งฝีเท้าดีรวมกันถึง 5 คน ไม่ว่าจะเป็น คาริม เบนเซม่า (ร่วมขบวนการแบล๊กเมล์คลิป), มาติเยอ วัลบูเอน่า (เหยื่อคลิป), มามาดู ซาโก้, ราฟาเอล วาราน และ เฌเรมี่ มาติเยอ

รวมทั้งโศกนาฎกรรม “ศุกร์ 13 ปารีส” จนมีผู้เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายใส่อาวุธปืน และระเบิดไล่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ใจกลางเมืองหลวง 130 ศพ หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นบริเวณสนามฟุตบอลสต๊าด เดอ ฟร้องซ์

ตามด้วยโทษแบนจากวงการลูกหนังทุกระดับชั้น 4 ปี ของ “นโปเลียนลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่ อดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ยูโร 1984 จากการพัวพันรับเงินไม่โปร่งใสจากเซ็ปป์ แบล๊ตเตอร์ อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (70 ล้านบาท / อัตรา 1 ดอลลาร์สหรัฐ 35 บาท) จนจำยอมต้องลงจากตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เจ้าของการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) ตัวจริง

แต่ทีม “ตราไก่” ภายใต้การนำทัพของ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องป์ และเจ้าภาพศึก “ยูโร 2016” ยังเป็นเต็ง 1 ในสายตาร้านรับพนันถูกกฎหมายส่วนใหญ่อยู่ดี เพราะต่อให้หลังทัวร์นาเมนต์ “ฟุตบอลโลก 2014” ที่พวกเขาตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือเยอรมนี ซึ่งก้าวเข้าไปเป็นแชมป์โลกในเวลาต่อมา ฝรั่งเศสจะไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ “ชี้เป็นชี้ตาย” มาเป็นเวลานานติดต่อกันเกือบ 2 ปีเต็ม หรือ 18 นัด เนื่องจากได้สิทธิเล่นรอบสุดท้ายในฐานะเจ้าภาพอัตโนมัติ

Advertisement

ทว่าก็ต้องยอมรับว่า นี่คือทีมตราไก่ที่สมบูรณ์แบบสุดนับจากหมดยุคยอดทีมชุดแชมป์โลก 1998 และแชมป์ยูโร 2000 หลังแกร่งทั่วแผ่นทุกขุมกำลังตั้งแต่ อูโก้ โยริส นายทวารกัปตันทีม เกมรับแม้เพิ่งจะหมดสิทธิใช้วาราน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอนาคตไกลที่หายเจ็บกับรีล มาดริด ไม่ทัน และมาติเยอซึ่งน่องเดี้ยง แม้ซาโก้เพิ่งจะพ้นโทษแบนจาก “ยูฟ่า” อย่างเหลือเชื่อ แต่เดส์ช็องป์ได้ประกาศทัพนักเตะที่ไร้ชื่อเขาไปแล้ว

โดยพวกที่เหลือก็ไม่เป็นรองแม้แต่น้อย ทั้งสดอย่าง เอเลียคิม ม็องกาล่า, ลูคัส ดินญ่า ไปจนถึงตัวเก๋า โลร็องต์ กอสเซียลนี่, บาการี่ ซานญ่า, อาดิล รามี่ และ ปาทริซ เอฟร่า

กลางสนามยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะมี ปอล ป๊อกบา คอยชูโรง เช่นเดียวกับ 3 แดนหน้าอันตรายอย่าง อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล, อ็องตวน กรีซมันน์ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

ประกอบกับการได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองทั้งประเทศ และมีเพื่อนร่วมกลุ่มแค่ สวิตเซอร์แลนด์, โรมาเนีย และ แอลเบเนีย ดังนั้นตำแหน่งแชมป์กลุ่มไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม ถึงทีมของ “เดเด้” จะไม่เคยเอาชนะทีม “ม้ามืด” อย่างแอลเบเนียในเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดที่ผ่านมาก็ตาม หลังมีการปรับกฎเพื่อไม่ให้ชาติเจ้าภาพต้องถูก “แช่แข็ง” ด้วยการให้ฝรั่งเศสไปอยู่ในกลุ่มรอบคัดเลือกที่มีแค่ 5 ทีม หรือน้อยกว่ากลุ่มอื่น 1 ชาติ เพื่อเป็นการเล่นแบบเหย้า-เยือนเหมือนกัน เพียงแต่ไม่นับเกมที่ทีมเมืองน้ำหอมลงเล่นเป็นผล “ได้-เสีย” ของกลุ่มเท่านั้น

ส่วน 3 ทีมที่เหลือของกลุ่มเอ ซึ่งต้องแย่งตำแหน่งรองแชมป์กลุ่มเพื่อคว้าโควต้าเข้ารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมอัตโนมัติ รวมทั้งอันดับ 3 ที่ยังพอมีลุ้นกับตั๋วอีก 4 ใบสุดท้ายกับการเป็นทีมอันดับ 3 ดีสุดใน 4 จาก 6 กลุ่ม ดูชื่อชั้นแล้วว่า อาจมองว่าสวิตเซอร์แลนด์คงสบายกว่าเพื่อน เพราะเต็มไปด้วยแข้งชื่อคุ้นหูคอลูกหนังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เซอร์ดาน ชากิรี่ อดีตกองกลางบาเยิร์น มิวนิก ตามด้วย กรานิต ซาก้า มิดฟิลด์ตัวใหม่อาร์เซน่อล หรือแม้แต่ วาลอน เบห์รามี่, ฟาเบียน ไฟร์, สเตฟาน ลิคสไตเนอร์, ฟิลิปป์ เซนเดรอส, โยฮัน ฌูรู และ ริคาร์โด้ โรดริเกซ

ทว่าโรมาเนีย และทีมรองบ่อนอย่างแอลเบเนีย ก็ไม่ใช่ทีม “ไม้ประดับ” อย่างแน่นอน เริ่มจากรายแรกพกดีกรีเป็นเพียง 1 ใน 3 ชาติร่วมกับอังกฤษ และออสเตรีย ที่ไม่เคยเสียท่าให้ใครตลอดการเล่นรอบคัดเลือก ที่แม้แต่เยอรมนี แชมป์โลก และสเปน แชมป์เก่าก็ทำไม่ได้ แต่ที่เหลือเชื่อกว่านั้น คือการเป็นทีมที่เสียประตูในรอบดังกล่าวน้อยที่สุดแค่ 2 ลูก

อย่างไรก็ตาม ความสงสัยต่างๆ จะหมดไปทันทีถ้าเห็นชื่อโค้ชเป็น อังเกล ยอร์ดาเนสคู ซึ่งกลับมาคุมทีมบ้านเกิดคำรบ 3 เนื่องจากเคยสร้างประวัติศาสตร์พาโรมาเนียชุดที่มีผู้นำในสนามอย่าง จอร์จี้ ฮาจี้ แจ้งเกิดในเวทีโลกด้วยการทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก 1994 และเป็นผลงานดีสุดเท่าที่โรมาเนียทุกชุดเคยทำมา

เช่นเดียวกับแอลเบเนียที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน “หมูสมัน” แต่พอเอาเข้าจริงๆ ประเทศที่ไม่เคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายในทัวร์นาเมนต์ระดับโลกมาก่อนรายนี้ กลับมีส่วนทำชาติใหญ่กว่าทั้งเดนมาร์ก และเซอร์เบีย น้ำตาร่วงไม่ได้ตีตั๋วไปเตะรอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศส แถมยังเคยบุกชนะโปรตุเกสในรอบคัดเลือกกลุ่มไอมาแล้ว อีกทั้งอย่างที่ได้เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ว่า ขนาดทีมตราไก่ของเดส์ช็องป์ก็ยังเอาชนะพวกเขาไม่ได้เลย ทั้งที่เป็นเพียงแมตช์กระชับมิตรเท่านั้น

สรุปแล้วแชมป์กลุ่มเอไม่น่าจะรอดไปจากเงื้อมมือเจ้าภาพฝรั่งเศส รวมทั้งโปรแกรมยังเป็นใจด้วยการเจอทีมอ่อนสุดอย่างแอลเบเนียในเกมนัด 2 เผื่อกรณีเกิดพลาดท่าในแมตช์เปิดสนามโรมาเนียขึ้นมา อย่างน้อยก็น่าจะมี 3 แต้มเต็มจากเกมนี้ แต่หากประเดิมชัยตั้งแต่แมตช์แรก ก็คงฉลุยรอบ 16 ทีมหลังจบเกมที่ 2 เลย ส่วนรองแชมป์กลุ่มน่าจะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีความแน่นอนเหนือกว่า 2 ทีมที่เหลือ ดังนั้นโรมาเนีย และแอลเบเนีย จึงต้องแย่งโควต้าอันดับ 3 ของกลุ่ม โดยต้องไปวัดกับที่ 3 อีก 5 กลุ่มอยู่ดี

 

1 3 4 5

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image