‘บุรีรัมย์ มาราธอน’ ปี4พร้อมรับนักวิ่งกว่า3หมื่น ‘รมว.พิพัฒน์’ ดันสู่เมเจอร์โลก ‘เนวิน’ ลั่นยกสู่ระดับซิลเวอร์

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต และ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ นายกสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการแข่งขันวิ่ง “บุรีรัมย์ มาราธอน 2020 พรีเซ็นเต็ด บาย ช้าง” ภายใต้แนวคิด “Your Ultimate Destination-สวรรค์ของนักวิ่ง” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1,650,000 บาท ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา เมื่อวันที่ 2 กันยายน ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ช่วง‪วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2563‬
 
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยเฉพาะกีฬาที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อย่างการวิ่งมาราธอน ซึ่งแผนงานระยะยาวคือการผลักดันให้มาราธอนในประเทศไทย กลายเป็น 1 ใน เมเจอร์มาราธอนของโลก ซึ่งมีเป้าหมายให้งานวิ่งของไทยกลายเป็นแบรนด์ระดับต้นๆ ของโลก

“สำหรับบุรีรัมย์ มาราธอน นับเป็นงานวิ่งรายการใหญ่ของไทย รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เพราะมีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ในปีนี้ได้ขยายรับจำนวนนักวิ่งเพิ่มเติมขึ้นเป็น 30,000 คน โดยเฉพาะโควต้านักวิ่งชาวต่างชาติ ซึ่งการเดินทางมาของนักวิ่งเหล่านี้ พร้อมกับผู้ติดตาม จะทำให้ประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด มีรายได้หมุนเวียนในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงอย่างมหาศาล” รมว.พิพัฒน์ กล่าว

ขณะที่ นายธีรวัฒน์ กล่าวว่า จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักวิ่ง และพร้อมแสดงศักยภาพของจังหวัด ในฐานะ 1 ใน 6 เมืองกีฬาของประเทศไทย ด้วยการเป็นแลนด์มาร์คของเมืองแห่งการท่องเที่ยว เมืองแห่งการจัดอีเวนต์และเมืองกีฬา ตาม “บุรีรัมย์ โมเดล” ซึ่งเราได้วางแผนและเตรียมการอย่างดีที่สุดสมบูรณ์ที่สุดสำหรับการแข่งขันปีนี้

ด้าน นายเนวิน กล่าวว่า ตนและทีมงานพยายามที่จะยกระดับไปสู่ระดับโลกให้ได้ มั่นใจว่าในปีนี้ บุรีรัมย์มาราธอน จะก้าวเข้าสู่การเป็น เวิลด์ สแตนดาร์ด โดยปรับจาก 3 ปีที่ผ่านมาให้สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในปีนี้บุรีรัมย์ มาราธอน 2020 ได้ถูกรับรองให้เป็นระดับบรอนซ์ เป็นรายการแรกของไทย และในปี 2021 จะพยายามผลักดันสู่ระดับซิลเวอร์ให้ได้ต่อไปด้วย ส่วนการแข่งขันปีนี้แยกออกเป็น 2 วัน คือวันที่ ‪8 กุมภาพันธ์ แยกฟันรัน ออกมาจัดวิ่งเดี่ยวๆ ในรูปแบบ ไนท์รัน ในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ส่วนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ จะเป็นการวิ่งมินิมาราธอน‬, ฮาล์ฟมาราธอนและฟูลมาราธอน

“การแยกเป็น 2 วัน ทำให้เรารับสมัครนักวิ่งได้มากขึ้น ในปีนี้เราจำกัดจำนวนนักวิ่งไว้ที่ไม่เกิน 30,000 คน เพื่อให้มีการดูแลที่ทั่วถึง และปรับจุดเข้าเส้นชัยใหม่ โดยจะออกสตาร์ทจากสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สังเวียนเดียวกับโมโตจีพี โดยเปลี่ยนเส้นชัยสัมผัสความยิ่งใหญ่ของสนามฟุตบอลช้างอารีน่า ส่วนปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นได้ปรับปรุงให้มีความสะดวกสำหรับนักวิ่งมากขึ้น‪ โดยเรามีเป้าหมายเดียวคือจะทำให้บุรีรัมย์มาราธอนเป็นสวรรค์ของนักวิ่งอย่างแท้จริง”‬ นายเนวิน กล่าว

Advertisement

นายเนวิน กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา จะได้รับการปรับปรุงให้มีความสะดวกสบาย โดยรับฟังทุกปัญหาจากนักวิ่ง นับตั้งแต่การรับบิบที่รวดเร็วมากขึ้น แก้ปัญหาความแออัด และความล่าช้าให้หมดไป ส่วนพื้นที่จัดอาหารจะแบ่งโซนให้ชัดเจนของแต่ละประเภทการวิ่งทั้งของมินิ มาราธอนฮาล์ฟมาราธอน และฟูลมาราธอน โดยจะมีการจัดบุรีรัมย์พาวิลเลียน ไม่แจกอาหารกล่อง แต่จะเปลี่ยนเป็นโซนอาหารชนิดต่างๆ เป็นอาหารพื้นบ้าน ของอร่อยจากท้องถิ่นไว้บริการทุกๆ คน ปีนี้จะมีแคมเปญบุรีรัมย์ชวนชิมไว้บริการ

“ส่วนที่ใช้สำหรับรับประทานอาหารนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อนและไม่เคยยอมให้ใครนำอาหารหรือแม้กระทั่งขวดน้ำมาดื่มบนสเตเดียมแต่ในครั้งนี้เราจะเปิดสนามฟุตบอลให้นักวิ่งได้ขึ้นไปนั่งทานอาหารและชมวิวสนามเพื่อผ่อนคลายหลังวิ่งเสร็จ” นายเนวินกล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มจุดบริการน้ำดื่มให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอสำหรับนักวิ่งในทุกๆ ระยะ โดยจุดต่างๆ ที่สามารถเติมได้และไม่ขัดกับกฎของเวิลด์มาราธอน ก็จะเพิ่มเติมเข้าไปให้เพียงพอมากที่สุด รวมถึงน้ำแข็งก็จะไม่ขาดตกบกพร่อง ทำให้นักวิ่งจะมีน้ำเย็นดื่มดับกระหายในทุกจุด ขณะเดียวกันจะเพิ่มโซนที่เป็นอุโมงค์ม่านน้ำ เพื่อคลายร้อนกรณีที่อุณหภูมิสูงเกินไป หากนักวิ่งต้องการปรับอุณหภูมิร่างกายก็สามารถวิ่งผ่านอุโมงค์ม่านน้ำได้เลยแต่จะเลือกไม่วิ่งผ่านก็ได้

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image