‘อัษฎางค์’ ตำนานแข้งลายครามชี้ช่อง ‘ช้างศึก’ สยบ ‘เวียดนาม’ ชู ‘ชนาธิป’ ตัวทีเด็ด

รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตนักเตะตำนานทีมชาติไทย ช่วงพ.ศ.2501-2510 เจ้าของฉายา “จิ้งเหลนไฟ” และอดีตคณบดีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วัย 80 ปี เปิดเผยว่า ในอดีตทีมฟุตบอลไทย และเวียดนาม ถือว่าค่อนข้างสูสีกันมาโดยตลอด ซึ่งเคยเจอกันบ่อย และสู้กันได้อย่างเต็มที่ทุกเกม โดยตัวเองจำเหตุกาณ์สำคัญได้คือ เมื่อปี 2503 ได้นำทีมชาติไทยบุกไปเตะเวียดนาม ซึ่งไทยขึ้นนำอยู่ แต่ช่วงท้ายเกมมีเหตุการณ์ผู้ตัดสินเปาให้จนเวียดนามเอาชนะไปได้ และก็มีแฟนบอลนับหมื่นวิ่งลงมาในสนาม และอีกเหตุการณ์หนึ่งเมื่อ 2504 ซึ่งตนเองรับบทกัปตันทีมชาติไทย พบเวียดนาม ที่เขามีกัปตันทีมเป็นนักเตะดาราเอเชียขณะนั้นในรายการเมอร์เดก้า คัพ ที่ประเทศมาเลเซีย

อัษฎางค์ ในฐานะกัปตันทีมชาติไทย แลกธงกับกัปตันทีมชาติเวียดนาม ก่อนเตะเมอร์เดก้า คัพ ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อปี พ.ศ.2504

รศ.อัษฎางค์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาวงการฟุตบอลเวียดนามเขาพัฒนาก้าวขึ้นมา ขณะทีมไทยยืนอยู่กับที่ ทำให้เวียดนามก้าวมาเหนือเรา แต่ทุกครั้งที่เจอกันจะสูสีกันโดยตลอด ซึ่งในเกมที่ทัพนักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จะลงสนามพบ “ดาวทอง” เวียดนาม ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มจี นัดแรก ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 5 กันยายนนี้ ทีมไทยเราถือว่าเป็นรองในเรื่องความฟิต แต่เชื่อว่าด้วยประสบการณ์จะทำให้เราทำผลงานได้ดี รวมทั้งแท็กติคในการเล่นที่ควรจะต้องเล่นเกมเพรสซิ่งสู้ด้วยใจเต็มร้อย และถ้ามีโอกาสทองก็จะต้องทำประตูให้ได้ รวมทั้งทีเด็ดบริเวณหน้ากรอบเขตโทษที่จะต้องมีความแม่นยำ

Advertisement

“สมัยตอนผมไปฝึกที่ประเทศเยอรมนีมีทฤษฎีหลักๆ อยู่ 3 ข้อ คือ แรง วินัย และฝีมือ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่นักเตะไทยในปัจจุบันควรจะต้องมี รวมทั้งเทคนิค และแท็กติกการเล่นที่ก็ขึ้นอยู่กับโค้ชว่าจะจัดแผนอย่างไร ผมเชื่อว่า ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะเป็นตัวทีเด็ดของไทย เพราะเป็นตัวคุมเกมให้ช้า-เร็ว แต่ถ้าชนาธิปเจ็บหล่ะ ใครจะเล่นแทน ดังนั้น เราก็ควรที่จะหาตัวแทนของชนาธิป รวมทั้งตัวแทนในแต่ละตำแหน่งเอาไว้ 2-3 คนด้วย อย่างก็ตาม ผมเชื่อว่า โค้ชญี่ปุ่น (อากิระ นิชิโนะ) มีความเป็นมืออาชีพ และศึกษาทีมมาพอสมควร ทำให้เชื่อมั่นว่าทีมชาติไทยเราจะสู้กับเวียดนามได้อย่างไม่เป็นรองในครั้งนี้” ตำนานช้างศึกเจ้าของฉายา “จิ้งเหลนไฟ” กล่าว

รศ.อัษฎางค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากแนะถึงนักเตะไทยให้อย่าประมาท อย่าหละหลวม มีสติ และใส่เต็มที่กับนัดนี้ ถ้ามีโอกาสทองจบสกอร์ต้องทำให้ได้อย่างเฉียบขาด ส่วนการที่โค้ชนิชิโนะเรียกตัวกองหน้าติดทีมเพียงคนเดียวนั้นคือ ศุภชัย ใจเด็ด อาจจะเป็นการหลอกล่อก็ได้ และจะเป็นการเปิดให้นักเตะแถวสองได้มีโอกาสทำประตูเพิ่มขึ้น แต่อาจจะคิดผิด เพราะถ้าวิงแบ๊กเติมไม่ทัน และตรงกลางไม่มีตัวเก็บบอล อาจทำให้กองหน้าต้องเหนื่อยก็เป็นได้ ซึ่งแม้จะเลิกเล่นทีมชาติไทยนานแล้ว แต่ก็ยังติดตามวงการฟุตบอลไทยอบ่างใกล้ชิด เพราะเรารักฟุตบอล ถ้าหากมีโอกาสก็จะไปดูที่สนามอยู่เสมอ

สำหรับ รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร เป็นชาวกรุงเทพฯ เกิดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2482 เริ่มเล่นฟุตบอลที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงเล่นฟุตบอลถ้วย ก ให้กับ ธ.กรุงเทพ และได้แชมป์ 3 สมัย ปี 2507,2509,2510 และติดทีมชาติเมื่ออายุ20 ปี ในปี 2501-2510 โดยลงเล่นในตำแหน่งกองกลางจอมโหดหมายเลข 4 ของทีมชาติไทย และเคยพาทีมชาติไทยผ่านเข้าไปเล่นในกีฬาโอลิมปิกเกมส์มาแล้วด้วย

Advertisement

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image