สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประชุมสรุปความคืบหน้าของสนามในการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ช่วงเดือนมกราคม 2563 ที่ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ กกท. หัวหมาก เมื่อวันที่ 24 กันยายน ซึ่งการประชุมนำโดย ยู จิน โฮ หัวหน้าฝ่ายเอเชียน คัพ ของเอเอฟซี พร้อมด้วยคณะทำงาน, และตัวแทน กกท., สนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา, สนามธรรมศาสตร์ รังสิต และสนามช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์
ภายหลังการประชุม ยู จิน โฮ เปิดเผยว่า หลังจากที่ สนามสมโภช เชียงใหม่ 700 ปี ไม่พร้อมสำหรับการจัดการแข่งขัน ทางเอเอฟซีจึงได้เดินทางมาตรวจที่สนามช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์ เป็นอีกตัวเลือก โดยหลังจากที่ได้ตรวจสอบสนามคิดว่า ช้าง อารีน่า มีความพร้อมในการจัดการแข่งขัน จึงได้ตัดสินใจและยืนยันว่า จะเป็นสนามที่มาทดแทน เพราะถือว่ามีความพร้อม อาจจะต้องปรับปรุงบางส่วนเล็กน้อย พื้นสนามก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ที่ไปตรวจมา ทางเราก็มีข้อกำหนดที่จะรวบรวมเป็นเอกสารและส่งมอบให้บุรีรัมย์ต่อไป
“ส่วนสนามราชมังคลากีฬาสถาน ได้ไปตรวจสอบในหลายส่วน และการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการ และอธิบายแผนงานที่จะปรับปรุงสนาม ทางเราก็รับทราบ และติดตามต่อไป พร้อมให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันการปรับปรุงสนามให้แล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยเชื่อว่า หลังจากที่ได้เดินทางมาตรวจสนามหลายครั้ง รวมถึงแผนงานต่างๆ ที่เสนอมาให้ดู ผมเชื่อว่า ทั้ง 4 สนามจะมีความพร้อมและส่งมอบ จัดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ได้สำเร็จ”
ทั้งนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันและกิจกรรมฟุตบอล เอเอฟซี จะจัดพิธีจับสลากแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ โรงแรมสวิส โซเทล รัชดา ในวันที่ 26 กันยายน 2562 เวลา 14.30 น. นอกจากนี้ เอเอฟซี มีกำหนดการเดินทางมาประเทศไทย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าการปรับปรุงสนามอีกครั้งในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และจะส่งมอบภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ต่อไป
