มาแล้ววว! ‘บิ๊กอ๊อด’ เปิดศูนย์ VAR หวังช่วยตัดสิน ‘ไทยลีก’ บริสุทธิ์ ยุติธรรม

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้จัดพิธีเปิดใช้งานศูนย์วีดีโอช่วยการตัดสิน (VAR) โดยมี พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นประธานพร้อมด้วย นายกรวีร์ ปริศนานนันทกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ, เดวิด เอลเลเรย์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ IFAB และตัวแทนจากแต่ละสโมสรในโตโยต้า ไทยลีก พร้อมด้วยสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ที่ชั้น 14 อาคารจิตต์อุทัย เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน

พล.ต.อ.ดร.สมยศ เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้มีนโยบายหรือความมุ่งมั่นตั้งใจมาเป็นเวลานาน ที่จะให้การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม น่าเชื่อถือ และสร้างความสบายใจให้กับสโมสรสมาชิก และแฟนบอล จึงพยายามที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง VAR มาช่วยการตัดสินของผู้ตัดสินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวมา จึงมีการประสานงานกับ IFAB ให้ส่ง มร. เดวิด มาช่วยเป็นวิทยากรอบรมผู้ตัดสิน และผู้ช่วยผู้ตัดสิน ให้สามารถทำหน้าที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ IFAB กำหนด

“เราใช้เวลากันมายาวนาน ตั้งแต่เดือนมีนาคม เรามีการอบรมผู้ตัดสิน และผู้ช่วยผู้ตัดสิน ทั้งด้านทฤษฎี และปฏิบัติ ทั้งในสนามก็ดี หรือในห้อง VAR ตลอดจนการติดต่อกัน เพื่อช่วยการพิจารณาของผู้ตัดสินในสนาม ผู้ตัดสินที่เข้าอบรม ก็เป็นผู้ตัดสินในระดับ FIFA และผู้ตัดสินชั้น 1 เป็นจำนวน 24 คน และผู้ช่วยผู้ตัดสินระดับ FIFA และระดับชั้น 1 อีก 24 คน รวมเป็น 48 คน ซึ่งทั้ง 48 คน ต้องได้รับการยอมรับจาก IFAB ก่อน จึงทำหน้าที่ได้ เราจึงต้องมีการเว้นช่วงในการนำ VAR ไปใช้ เพื่อรอเวลาที่ผู้ตัดสิน และผู้ช่วยผู้ตัดสิน ได้รับการอบรมเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นไปตามกฎของ IFAB โดยเทคโนโลยี VAR ที่เราใช้เป็นของ Hawkeye ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับที่ทั่วโลกใช้ ถือว่าเป็นอุปกรณ์เครื่องมืออันดับ 1 ของโลก ที่ทั้ง FIFA และ IFAB ยอมรับ”

บิ๊กอ๊อด กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สิ่งที่เราต้องเรียนให้ทุกท่านทราบคือ หลักการการใช้ VAR ที่ FIFA และ IFAB ซึ่งมี 4 ประเด็นที่จะกำหนดให้ผู้ตัดสินเรียกใช้ VAR ได้ คือจังหวะที่เป็นหรือไม่เป็นประตู เป็นจุดโทษหรือไม่เป็นจุดโทษ จังหวะที่เป็นใบแดงโดยตรง และกรณีที่ให้ใบเหลืองใบแดงผิดคน ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะมีข้อโต้แย้งตามมา สิ่งที่ทาง IFAB ให้ความรู้มา ก็จะมีความเชื่อมโยงต่อข้อบังคับสมาคมฯ ที่กำหนดมาให้สอดคล้องว่า การกระทำใดๆ ที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสมาคมฯ ผู้กระทำจะมีความผิด ถูกลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นเสียค่าปรับ ห้ามทำหน้าที่ ห้ามเข้าสนาม ก็คล้ายๆ กับบทลงโทษที่เคยมี แต่จะมีเพิ่มมากขึ้นในบางกรณี”

Advertisement

“เกมแรกที่สมาคมฯ ร่วมกับ IFAB ที่จะนำ VAR มาใช้ ก็คือการแข่งขัน ช้าง เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.00 น. ที่บีจี สเตเดียม นี่เป็นครั้งแรกที่เรานำมาใช้อย่างเป็นทางการ เราต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของ IFAB เราต้องส่งรายชื่อผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน และผู้ที่ทำหน้าที่ในห้อง VAR ให้ IFAB ก็ขอเรียนทั้งสโมสรการท่าเรือ เอฟซี สโมสรราชบุรี มิตรผล เอฟซี ตลอดจนสื่อมวลชนว่า ผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ในวันพรุ่งนี้ กำหนดมาจาก IFAB ไม่ใช่สมาคมฯ ผมคิดว่าผู้ที่มาตัดสินในวันพรุ่งนี้ จะได้รับความไว้วางใจจาก IFAB มากที่สุด และมันก็เป็นเรื่องที่เราปฏิบัติตามคำแนะนำของ IFAB”

บิ๊กอ๊อด กล่าวเพิ่มเติมว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี เราเป็นชาติแรกในอาเซียนที่นำ VAR มาใช้ ขณะที่ชาติอื่นๆ กำลังเริ่มคิด หรือเริ่มทำ ประเทศไทยของเราเป็นผู้นำในวงการฟุตบอลของภูมิภาคอาเซียน ที่จะนำไปสู่เป้าหมายของสมาคมฯ ที่หวังจะทำให้ฟุตบอลไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ต้องขอขอบคุณบริษัท ไทยลีก จำกัด เจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ทำงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่เดือนมีนาคม ขอบคุณผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ที่ทุ่มเทและเรียนรู้อย่างตั้งใจ หวังว่าทั้ง 48 คน จะผ่านการยอมรับของ IFAB ซึ่งการอบรมตอนนี้ยังไม่เสร็จสิ้นทั้งหมด และเราก็หวังว่าผู้ตัดสิน และผู้ช่วยผู้ตัดสินทั้งหมดที่ส่งไป จะผ่านการยอมรับของ IFAB ทั้งหมด”

“ที่สำคัญที่สุด ต้องขอบคุณ มร. เดวิด เอลเลเรย์ และผมได้คุยกับเขาแล้วว่า คงจะมีอีกครั้ง ที่เราจะเชิญสโมสรสมาชิก ผู้สื่อข่าว มาพูดคุยในเรื่องเหล่านี้ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ก็ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เทคโนโลยี VAR ที่เรานำมาใช้ จะช่วยให้การแข่งขันฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาลหน้า เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ได้รับการยอมรับจากแฟนบอล เพราะมันจะทำให้ฟุตบอลมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะถ้าแฟนบอลมองว่าเกมฟุตบอลมันไม่ยุติธรรมแล้ว เขาก็คงไม่อยากดูกัน นี่เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าปีหน้าจะดีขึ้น และในโอกาสข้างหน้า ถ้าสมาคมฯ ต้องการความช่วยเหลือจาก IFAB หรือ FIFA ก็คงต้องรบกวนคุณเดวิดอีกครั้งครับ ขอบคุณมากครับ”

Advertisement

ขณะที่ มร. เดวิด เอลเลเรย์ กล่าวว่า เป้าหมายคืออยากให้ทุกท่านทราบว่าเราทำงานเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว และการทำงานของ VAR ในเกมวันพรุ่งนี้ และในฤดูกาลหน้า VAR จะทำงานอย่างไร ซึ่ง IFAB ก็มีการทำงานร่วมกันกว่า 90 ประเทศ และทุกประเทศก็มีกระบวนการการทำงานเหมือนกัน ทุกชาติต้องใช้เวลา 6-7 เดือน ในการเตรียมความพร้อมผู้ตัดสิน และเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้ VAR ซึ่ง 3 ส่วนที่มี ก็คือการเตรียมอุปกรณ์ เตรียมระบบ และเตรียมบุคลากรที่ใช้ โดยเราก็ดำเนินการไปอย่างราบรื่น”

“ในส่วนของผู้ตัดสิน ก็ใกล้จะจบการอบรมเรื่องของ VAR แล้ว ส่วนสำคัญสำหรับทุกสโมสรคือ ในเดือนมกราคม เราจะมีการตรวจสอบว่าสนามสามารถใช้งาน VAR ได้เต็มที่หรือไม่ และสามารถสื่อสารมาที่ศูนย์กลางการใช้ VAR หรือไม่ ซึ่งการทดสอบก็จะมีเจ้าหน้าที่จาก FIFA มาดูแลด้วยในเกมพรุ่งนี้ รวมถึงเราจะดูสนามของทั้ง 3 สโมสร ที่ได้เลื่อนชั้นมาสู่ไทยลีกในฤดูกาลหน้า เราจะมีการตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้ายในเดือนนั้น และจะมีการอนุมัติครั้งสุดท้าย ว่าสโมสรนั้นๆ พร้อมใช้ VAR หรือไม่”

มร. เดวิด เอลเลเรย์ กล่าวอีกว่า วิธีการใช้งาน VAR เหมือนกันทุกประเทศ อย่างที่ท่านนายกสมาคมฯ บอกไว้ เราได้นำหน้าชาติเพื่อนบ้านในเรื่องนี้ เวียดนามเองก็เพิ่งได้รับการตรวจสอบจาก FIFA เป็นครั้งแรกในเดือนนี้ ส่วนมาเลเซียก็ยังไม่ได้ริเริ่ม ซึ่งจะคุยกับท่านนายกอีกในวันจันทร์ เพื่อวางแผนการพัฒนาจนสามารถใช้ได้ในไทยลีก 2 รวมถึงเรื่องของการช่วยชาติเพื่อนบ้านให้สามารถใช้ VAR ได้

“ผมต้องบอกว่า ที่เรามาถึงตรงนี้ได้ เพราะผมได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากท่านนายกสมาคมฯ จนไทยสามารถใช้ VAR ได้อย่างเต็มรูปแบบ ในส่วนที่ผมต้องทำงานต่อ คือการทำความเข้าใจกับสโมสร นักฟุตบอล ผู้ฝึกสอน และแฟนบอล ว่ากระบวนการของ VAR นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งในวันนี้เราก็จะมีการอธิบายหลักการใช้งาน VAR ด้วย รวมถึงอธิบายว่าเกมวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น”

ภายหลังจากการกล่าว นายกสมาคมฯ ได้นำตัวแทนสโมสรและสื่อมวลชนเข้าชมการทำงานภายในห้องปฏิบัติการ VAR ที่มีทั้งหมด 4 ห้อง ณ บริเวณฝ่ายผู้ตัดสิน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ อาคารจิตต์อุทัย

ทั้งนี้ ระบบวีดีโอช่วยการตัดสิน (VAR) จะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในเกมช้าง เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง การท่าเรือ เอฟซี พบ ราชบุรี เอฟซี ในวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ก่อนจะเริ่มใช้ในการแข่งขัน โตโยต้า ไทยลีก 2020 ทุกเกมการแข่งขัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image