ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2016” รอบแรก กลุ่มเอฟ นัดที่สอง “ฝอยทอง” โปรตุเกส ลงสนามพบกับ “เดอะ แม็กย่าร์” ออสเตรีย ที่สนามปาร์ก เดส์ แปรงส์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 18 มิถุนายน โดยผลงานนัดแรกโปรตุเกส เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1 ขณะที่ ออสเตรีย แพ้ ฮังการี 0-2
สำหรับสถิติที่โปรตุเกสเคยพบกับออสเตรียก่อนหน้านี้ 10 นัด ปรากฏว่า โปรตุเกสคว้าชัยชนะได้เพียง 2 นัด แพ้ถึง 3 นัด และเสมอกัน 5 นัด โปรตุเกสยิงได้ 11 ประตู และเสียไปถึง 19 ประตู ซึ่งนัดล่าสุดที่พบกันต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1995 ในศึกยูโร 1996 รอบคัดเลือก โดยออสเตรียเปิดบ้านเสมอโปรตุเกส 1-1
เกมนี้ เฟร์นานโด ซานโตส กุนซือทีมโปรตุเกส จัดทัพในระบบการเล่น 4-4-2 โดยนักเตะตัวจริงนำโดยคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ดังจากทีมรีล มาดริด สวมปลอกแขนกัปตันทีมลงเล่นให้กับโปรตุเกสเป็นนัดที่ 128 พร้อมกับทำลายสถิตินักเตะที่ลงเล่นให้กับโปรตุเกสมากที่สุดก่อนหน้านี้ของ หลุยซ์ ฟิโก้ ที่เคยทำไว้ 127 นัด
ส่วนแข้งตัวจริงโปรตุเกสรายอื่น ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู รุย ปาทริซิโอ, เวียรินญ่า, เปเป้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, ราฟาเอล เกอร์เรโร่, เจา มูตินโญ่, วิลเลียม คาร์วัลโญ่, อันเดร โกเมส, ริคาร์โด้ กวาเรสม่า และนานี่
ขณะที่ มาร์เซล โคลเลอร์ กุนซือชาวสวิสเซอร์แลนด์ของออสเตรีย วางแผนระบบการเล่น 4-5-1 โดย 11 นักเตะตัวจริงประกอบด้วย ผู้รักษาประตู โรเบิร์ต อัลเมอร์, ฟลอเรียน ไคลน์, เซบาสเตียน พรูเดิล, มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์, คริสเตียน ฟุชส์ (กัปตันทีม), สเตฟาน อิลซานเคอร์, ยูเลียน บอมการ์ตลินเกอร์, ดาวิด อลาบา, มาร์ติน ฮาร์นิก, มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช และมาร์เซล ซาบิตเซอร์ ยืนศูนย์หน้าตัวเป้า
เกมครึ่งแรกไม่ถึง 3 นาที ออสเตรียได้ลุ้นประตูจะแจ้งครั้งแรกจากจังหวะที่มาร์เซล ซาบิตเซอร์ เปิดบอลให้มาร์ติน ฮาร์นิกโหม่งหลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 5 โปรตุเกสบุกตอบโต้คืนทันควัน เจา มูตินโญ่ เปิดบอลแฉลบผู้เล่นออสเตรียไปเข้าทางนานี่โหม่งเช็ดข้ามคานออกไป
นาทีที่ 13 โปรตุเกสครองบอลบุกได้มากกว่าจนได้ลุ้นประตูจากนานี่ลากบอลฉีกหนีแนวรับออสเตรียแล้วยิงไปติดเซฟโรเบิร์ต อัลเมอร์ อย่างน่าเสียดาย ก่อนที่เจา มูตินโญ่สักไปยิงไปติดเซฟอีกครั้ง
นาทีที่ 19 โปรตุเกสได้ลูกเตะมุม ริคาร์โด้ กวาเรสม่า โยนบอลเข้าไปให้ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ปราการหลังจอมเก๋าเติมเกมรุกขึ้นมาโขกบอลหลุดกรอบไป
นาทีที่ 21 โปรตุเกสได้โอกาสใกล้เคียงได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ราฟาเอล เกอร์เรโร่ ปาดบอลเข้ากลางให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิ่งเข้ามาแปด้วยเท้าขวาเฉียดเสาหลุดออกหลังอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 29 ทัพฝอยทองเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง ราฟาเอล เกอร์เรโร่ตักบอลเข้ากลางให้นานี่ลอยตัวขึ้นโขกโล่งๆ บอลไปชนเสาอย่างจัง ก่อนที่เจา มูตินโญ่เก็บตกแถวสองได้จังหวะซัด แต่บอลเหินข้ามคาน
นาทีที่ 40 ออสเตรียได้ลูกฟรีคิกบนเส้นกรอบเขตโทษทางฝั่งซ้าย ดาวิด อลาบา ยิงยัดเข้าไปเกือบเสียบเสาสอง แต่เวียรินญ่าโหม่งสกัดบอลทิ้งออกมาได้ทัน
จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังโปรตุเกสยังคงโหมบุกหนักเพื่อหวังยิงประตูขึ้นนำ
นาทีที่ 54 เปเป้เติมเกมรุกขึ้นมาจ่ายบอลให้โรนัลโด้กดด้วยซ้ายเต็มข้อ แต่ยังไม่ติดเซฟอีกครั้ง ก่อนที่นาทีต่อมาโรนัลโด้ได้ขึ้นโขกลูกเตะมุมเหน่งๆ แต่ก็ยังไปติดเซฟอัลเมอร์
นาทีที่ 65 โปรตุเกสได้ลูกฟรีคิก และเป็นโรนัลโด้บรรจงวางเท้าขวาซัดเต็มข้อผ่านกำแพง แต่บอลข้ามคาน
นาทีที่ 70 โปรตุเกสแก้เกมรุกด้วยการส่งเจา มาริโอลงมาเล่นแทนริคาร์โด้ กวาเรสม่า
นาทีที่ 77 โปรตุเกสได้จุดโทษจากจังหวะที่โรนัลโด้โดนมาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์ ดึงล้มลงไปในเขตโทษก่อนที่โรนัลโด้ลุกขึ้นมารับหน้าที่ยิงเองไปชนเสาอย่างจัง
จบเกมเสมอกันไป 0-0 ทำให้โปรตุเกสลงเตะ 2 นัด เสมอ 2 นัด มี 2 แต้ม ขณะที่ออสเตรีย เสมอ 1 นัด แพ้ 1 นัด มีเพียง 1 แต้ม ต้องไปลุ้นเข้ารอบกันในนัดสุดท้าย
