‘หมากรุก’รัวแซง’กระทิง’2-1ยึดแชมป์กลุ่มดีทะลุ16ทีม-‘รามอส’เซ็งบอดโทษ!’สเปน’รีแมตช์’อิตาลี’

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2016” ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 21 มิถุนายน เป็นการแข่งขันในรอบแรก กลุ่มดี นัดสุดท้าย ระหว่าง “กระทิงดุ” สเปน อดีตแชมป์ยูโร 3 สมัย และแชมป์เก่า 2 สมัยล่าสุด ลงสนามดวลแข้งแย่งชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มดีพบกับ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ที่สต๊าด เด บอร์โดซ์ เมืองบอร์โด โดยผลงาน 2 นัดแรก สเปน ชนะ เช็ก 1-0 และถล่ม ตุรกี 3-0 ขณะที่โครเอเชีย ชนะ ตุรกี 1-0 และเสมอ เช็ก 2-2

สถิติที่สเปนและโครเอเชียเคยกบกันก่อนหน้านี้ 5 นัด ปรากฏกว่า สเปนคว้าชัยชนะได้ถึง 3 นัด แพ้ไปเพียงนัดเดียว ยิงประตูได้ 6 ประตู และเสียประตู 4 ประตู โดยนัดล่าสุดที่เจอกันปรากฏว่า สเปนเฉือนชนะโครเอเชีย 1-0 ในรอบสุดท้ายศึกยูโร 2012 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ปี 2012

เกมนี้ บีเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือขรัวเฒ่าของทีมสเปนจัดทัพชุดใหญ่ลงสนามในระบบการเล่น 4-3-3 โดย 11 นักเตะตัวจริง ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ดาบิด เด เคอา, ฆวนฟราน, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, ฆอร์ดี้ อัลบา, เชสก์ ฟาเบรกาส, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า, ดาบิด ซิลบา, โนลิโต้ และอัลบาโร่ โมราต้า ลงยืนเป็นศูนย์หน้าล่าตาข่าย

ขณะที่ อันเต้ ชาชิช กุนซือทีมโครเอเชียวางหมากในระบบการเล่น 4-2-3-1 โดย 11 ผู้เล่นตัวจริง ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ดาเนียล ซูบาชิช, ดาริโย เซอร์น่า (กัปตันทีม), เวดราน ชอร์ลูก้า, ติน เยดวาย, ชิเม เวอร์ซาลโก้, อันเต้ โชริช, มิลาน บาเดล, อีวาน เปริชิช, อีวาน ราคิติช, มาร์โก้ เปียซ่า และนิโกล่า คาลินิช เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า ซึ่งไม่มีชื่อของ ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ตัวเก่ง และมาริโอ มานด์ซูคิช ศุนย์หน้าตัวหลักที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่จนไม่สามารถลงสนามเป็นตัวจริงได้

Advertisement

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

เกมครึ่งแรกนาทีที่ 7 สเปนครองบอลบุกพังประตูขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็ว 1-0 จากจังหวะที่ดาบิด ซิลวา แทงบอลทะลุช่องเข้าเขตโทษให้เชสก์ ฟาเบรกาส ตวัดบอลข้ามตัวนายด่านโครเอเชียไปเข้าทางอัลบาโร่ โมราต้า แปโล่งๆ ตุงตาข่ายเป็นประตูที่ 3 ของตัวเองในศึกยูโร 2016

Advertisement

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

นาทีที่ 8 สเปนบุกต่อเนื่องจนได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ดาบิด ซิลวา จ่ายบอลยัดเข้าไปในเขตโทษให้โนลิโต้โฉบเข้าไปแปบอลหลุดกรอบออกหลัง

นาทีที่ 12 โครเอเชียหาโอกาสบุกตอบโต้บ้าง นิโกล่า คาลินิชหาช่องสับไกยิงจากนอกเขตโทษ แต่ดาบิด เด เคอา นายด่านสเปนพุ่งเซฟเอาไว้ได้ทัน

นาทีที่ 14 ดาบิด เด เคอา โดนฉกบอลไปจากเท้าก่อนไปเข้าทางอีวาน ราคิติชกระดกบอลไปชนคานและกระเด้งไปชนเสาพลาดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 25 สเปนได้ลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษระยะ 24 เมตร แต่ดาบิด ซิลวา ซัดด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดไปติดกำแพงนักเตะโครเอเชีย

นาทีที่ 28 สเปนต่อบอลเท้าต่อเท้ากันได้อย่างไหลรื่นก่อนบอลไปเข้าทางโนลิโต้ง้างเท้าซัดไปติดบล็อกแนวรับโครแอตหลุดออกหลังไป

กระทั่งนาทีที่ 45 โครเอเชียเร่งเครื่องไล่ตีเสมอสำเร็จ 1-1 จากจังหวะที่อีวาน เปริชิช ลากบอลทางฝั่งซ้ายแล้วเปิดเข้ากลางให้นิโกล่า คาลินิชดีดบอลด้วยข้างเท้าเข้าประตูไป ซึ่งเป็นการเสียประตูแรกของสเปนในศึกยูโรรอบสุดท้าย รอบ 4 ปี หลังจากสเปนเสียประตูล่าสุดในนัดเปิดสนามศึกยูโร 2012 ที่เสมอกับ อิตาลี 1-1 โดยอันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ยิงให้อิตาลีในนาทีที่ 61

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1

ครึ่งหลังนาทีที่ 48 สเปนเปิดฉากบุกทันที ดาบิด ซิลวา ผ่านเข้าให้ฆวนฟราน เติมเกมรุกขึ้นมาซัดบอลข้ามคานออกไป

นาทีที่ 58 ทัพตาหมากรุกหวิดได้ประตูแซงนำจากจังหวะที่ติน เยดวาย ยิงไปติดเซฟเด เคดา บอลล้นไปเข้าทางมาร์โก้ เปียซ่า ลอยตัวจักรยานยิงบอลหลุดกรอบออกไป

นาทีที่ 67 ดาบิด ซิลวาโดยนลูกเตะมุมเข้าไปในเซร์คิโอ รามอส โถมตัวขึ้นโขกเต็มหัว แต่บอลหลุดเสาสองออกหลังไป

นาทีที่ 70 ดาบิด ซิลวา โดนชิเม เวอร์ซาลโก้ กระแทกจากด้านหลังล้มลงไปในเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดชี้ให้สเปนได้ลูกจุดโทษ แต่เซร์คิโอ รามอส รับหน้าที่ยิงไปติดเซฟดาเนียล ซูบาชิช ชวดได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งอย่างน่าเสียดาย

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

นาทีที่ 87 โครเอเชียอาศัยจังหวะโต้กลับเร็วบุกขึ้นมาพังประตูแซงนำ 2-1 จากจังหวะที่นิโกล่า คาลินิช ลากบอลจี้เข้าไปแล้วจ่ายต่อให้อีวาน เปริชิช ซัดมุมแคบหนีดาบิด เด เคอา เข้าไปตุงตาข่าย

จบเกมโครเอเชียแซงชนะสเปน 2-1 ทำให้โครเอเชียเก็บเพิ่ม 3 แต้ม ลงเตะ 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 มี 7 แต้ม คว้าแชมป์กลุ่มดี พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายเข้าไปเจอกับทีมอันดับ 3 ดีที่สุดจากรอบแรก ส่วนสเปนลงเตะ 3 นัด ชนะ 2 แพ้ 1 มี 6 แต้ม ได้อันดับ 2 ของกลุ่มดี ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปชนกับ “อัซซุูรี่” อิตาลี ที่เป็นแชมป์ของกลุ่มอี โดยคู่นี้เป็นการรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศจากศึกยูโร 2012 ด้วย ซึ่งครั้งนั้น สเปน ถล่มชนะ อิตาลี 4-0 อีกด้วย

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

FBL-EURO-2016-MATCH32-CRO-ESP

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image