การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2016” ประจำคืนวันที่ 22 มิถุนายน มีฟาดแข้ง 4 คู่ ในเกมเตะนัดสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี และเอฟ โดยทั้ง 2 คู่ในกลุ่มเดียวกันจะคิกออฟเวลาเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน คู่เตะเวลา 23.00 น. เป็นการฟาดแข้ง 2 คู่ในกลุ่มเอฟ ระหว่าง ฮังการี กับ โปรตุเกส และอีกคู่ ไอซ์แลนด์ พบ ออสเตรีย
สำหรับเกมเตะคู่ระหว่าง ไอซ์แลนด์ กับ ออสเตรีย เตะกันที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนลงสนามไอซ์แลนด์ อยู่อันดับ 2 ของกลุ่ม เตะ 2 นัด เสมอ 2 นัดมี 2 แต้ม ส่วนออสเตรีย รั้งบ๊วยของกลุ่ม เตะ 2 นัด เสมอ 1 แพ้ 1 มี 1 แต้ม
สถิติการพบกันของทั้ง 2 ทีมตามที่สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) บันทึกไว้ เจอกันมาทั้งหมด 3 ครั้ง ออสเตรีย เป็นฝ่ายเอาชนะ 1 ครั้ง และเสมอกัน 2 ครั้ง ออสเตรีย ยิงได้ 3 ประตู ส่วนไอซ์แลนด์ยิงได้ 2 ประตู
เกมนี้ทั้งคู่ยังมีโอกาสลุ้นเข้ารอบซึ่งต่างฝ่ายต้องการ 3 คะแนนเต็มจากเกมนี้ ไอซ์แลนด์ ภายใต้การนำของกุนซือคู่อย่าง ลาร์ส ลาเกอร์บัค ชาวสวีเดน และไฮเมียร์ ฮัลกริมส์สัน ชาวไอซ์แลนด์ จัดทัพในระบบ 4-4-2 มีฮานเนส ธอร์ ฮัลดอร์สสัน เป็นผู้รักษาประตู แผงหลัง เบียร์เกียร์ มาร์ แซวาร์สสัน, แร็กนาร์ ซิกูร์ดส์สัน, คารี่ อาร์นาสัน, อารี เฟรย์ สกูลาสัน แดนกลางนำทัพโดยกิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน เพลย์เมกเกอร์ของทีม โยฮันน์ เบิร์ก กุ๊ดมุนด์สัน, เบียร์เกียร์ บียาร์นาสัน, อารอน กุนนาร์สสัน คู่หน้า โคลเบน ซิกธอร์สสัน คู่กับยอน ดาดี้ โบดวาร์สสัน
ขณะที่ ออสเตรีย ที่มี มาร์เซล โคลเลอร์ เป็นกุนซือใหญ่ จัดทีมลงสู้ในระบบ 4-5-1 ผู้รักษาประตู โรเบิร์ต อัลเมอร์ กองหลัง อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, เซบาสเตียน พรูเดิล, มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์, คริสเตียน ฟุคส์ กองกลาง ฟลอเรียน ไคลน์, สเตฟาน อิลซานเคอร์, มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช, ดาวิด อลาบา, ยูเลียน บอมการ์ตลินเกอร์ และมีมาร์เซล ซาบิตเซอร์ ยืนกองหน้าคนเดียว
ครึ่งแรก ไอซ์แลนด์ได้ลุ้นก่อนตั้งแต่นาทีที่ 2 กุ๊ดมุนด์สันซัดเต็มแรงบอลชนคานเด้งอออกไป
10 นาทีแรก ไอซ์แลนด์คุมเกมได้เกือบทั้งหมด แต่นาทีที่ 12 อาร์เนาโตวิชเข้าไปฉกบอลในจังหวะที่นายทวารไอซ์แลนด์กำลังจะเล่นบอล แต่ฮัลดอร์สสันแก้ตัวสกัดออกไปได้ก่อน
นาทีที่ 15 ไอซ์แลนด์ได้ลุ้นประตูหลายจังหวะ แต่ออสเตรียพยายามช่วยป้องกันออกมาได้ ก่อนที่กุนนาร์สสันจะยิงด้วยหลังเท้าลูกข้ามคานออกไป
นาทีที่ 18 ไอซ์แลนด์บุกขึ้นมา บอลขลุกขลิกหน้าประตู ก่อนที่โบดวาร์สสันจะแต่งบอลและแปสวนตัวนายประตูเข้าไปให้ไอซ์แลนด์ขึ้นนำไปก่อน 1-0
ออสเตรียพยายามบุกหวังประตูตีเสมอ นาทีที่ 19 อาร์เนาโตวิชกดเต็มข้อในเขตโทษ แต่ไม่ผ่านมือฮัลดอร์สสัน
นาทีที่ 27 ออสเตรียได้จุดโทษ สกูลาสันดึงอลาบาในเขตโทษ แต่ดราโกวิชยิงจุดโทษชนเสาออกไปแบบสุดช็อก
นาทีที่ 42 บอมการ์ตลินเกอร์ได้จังหวะซัดจากนอกเขตโทษ ลูกเกือบมุดใต้คาน แต่นายทวารไอซ์แลนด์ก็ยังปัดทิ้งไปได้อีก
จบครึ่งแรก ไอซ์แลนด์นำ 1-0
เริ่มครึ่งหลัง นาทีที่ 47 อลาบาได้จังหวะซัดเต็มๆ หน้าปากประตู แต่กุนนาร์สสันยกขาสกัดทิ้งไปได้แบบฉิวเฉียด
ครึ่งหลัง ออสเตรียทำได้ดีกว่าครึ่งแรกอย่างชัดเจน และนาทีที่ 61 อเลสซานโดร เชิปฟ์ ตัวสำรองที่เพิ่งถูกส่งลงมาเป็นซุปเปอร์ซับ กระชากบอลหนีกองหลังไอซ์แลนด์และยิงเต็มข้อให้ทีมตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ
นาทีที่ 69 มาร์ค แยนโก้ ตัวสำรองอีกคนของออสเตรียได้โขกหน้าประตูเหน่งๆ แต่โดนป้องกันไว้ได้อีก หลังจากนั้นเป็น
ออสเตรียที่บุกแหลกอยู่ฝั่งเดียว นาทีที่ 80 อลาบาซัดฟรีคิก นายทวารไอซ์แลนด์ต้องปัดทิ้งไป
แข้งไอซ์แลนด์ลงมาเน้นเกมรับในเขตโทษตัวเองเกือบทั้งหมด ท้ายเกมไอซ์แลนด์สวนกลับ อาร์นอร์ อิงวี่ เทราสตาสัน ตัวสำรองเป็นคนทำประตูชัยให้ไอซ์แลนด์ชนะไป 2-1 คว้า 3 แต้มประวัติศาสตร์ในยูโร
ส่วนออสเตรียมีเพียง 1 คะแนน จบอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ตกรอบแรก ส่งผลให้ฮังการีเป็นแชมป์กลุ่มมี 5 คะแนน อันดับสอง ไอซ์แลนด์ มี 5 คะแนน และอันดับสาม โปรตุเกสมี 3 คะแนน ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมได้ทั้งหมด
