‘โปรตุเกส’ สุดแสบเฉือน ‘โครเอเชีย’ 1-0 ช่วง 3 นาทีสุดท้าย เข้ารอบ 8 ทีมยูโรเจอ ‘โปแลนด์’

ริคาร์โด้ กวาเรสม่า (ภาพ AFP)

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2016” รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างโปรตุเกส กับ โครเอเชีย ที่สนามสต๊าด โบลลาร์-เดอเลลิส เมืองล็องส์

เกมนี้เป็นคู่สุดท้ายของวัน หลัง 2 คู่แรก โปแลนด์เฉือนชนะจุดโทษสวิตเซอร์แลนด์ 5-4 หลังเสมอกัน 120 นาที 1-1 ส่วนเวลส์เฉือนชนะทีมจากสหราชอาณาจักรด้วยกันอย่างไอร์แลนด์เหนือ 1-0

Advertisement

11 ตัวจริงทั้ง 2 ทีม ปรากฏว่า ทัพ “ตาหมากรุก” โครเอเชียที่ต้องเช็กความฟิต 2 แข้งคนสำคัญอย่างลูก้า โมดริช และมาริโอ มานด์ซูคิช ต่างลงได้หมด เช่นเดียวกับ “ฝอยทอง” โปรตุเกสก็ได้ทั้ง 2 ผู้เล่นทางฝั่งซ้ายราฟาเอล เกอร์เรโร่ กับอันเดร โกเมส หายเจ็บกลับมาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม โครเอเชีย และโปรตุเกสได้ปรับเปลี่ยนผู้เล่นบางตำแหน่ง โดยเฉพาะฝ่ายหลังซึ่งส่งทั้งโจเซ่ ฟอนเต้, เซดริค โซอาเรส และเอเดรียน ซิลวา ลงสนามเกมนี้

Advertisement

รายชื่อผู้เล่น
โครเอเชีย 4-2-3-1 ดาเนียล ซูบาชิช, ดาริโย เซอร์น่า, เวดราน ชอร์ลูก้า, โดมากอย วิด้า, อีวาน สตรินิช, ลูก้า โมดริช, มิลาน บาเดล, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, อีวาน ราคิติช, อีวาน เปริชิช, มาริโอ มานด์ซูคิช
โปรตุเกส 4-4-2 รุย ปาทริซิโอ, เซดริค โซอาเรส, เปเป้, โจเซ่ ฟอนเต้, ราฟาเอล เกอร์เรโร่, เจา มาริโอ, เอเดรียน ซิลวา, วิลเลียม คาร์วัลโญ่, อันเดร โกเมส, นานี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

เริ่มเกมได้ 10 นาที เป็นโปรตุเกสที่ปกติจะบุกใส่คู่แข่งกลับเป็นฝ่ายตั้งรับแบบรัดกุมอย่างชัดเจน

ขณะที่ 10 นาทีถัดมา โปรตุเกสเริ่มครองเกมได้มากขึ้น แต่ก็ยังเน้นเกมรับอยู่ดี จากนั้นนาที 25 เป็นโปรตุเกสที่ได้ลุ้นก่อนจากการโหม่งลูกฟรีคิกของเปเป้ ทว่าลูกเหินข้ามคานออกไป

ในช่วงเวลาที่เหลือครึ่งแรก โปรตุเกสยังแพ็คเกมรับ และอาศัยจังหวะโครเอเชียจ่ายบอลพลาดเพื่อฉวยโอกาสสวนกลับแต่ยังไม่เป็นผล แถมยังเกือบเสียประตูเมื่ออีวาน สตรินิช แบ๊กซ้ายโครแอตได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ทว่าสุดท้ายกลับเปิดบอลไปให้ผู้เล่นโปรตุเกสอย่างหน้าตาเฉย

จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

เปิดฉากครึ่งหลังได้ 7 นาที โครเอเชียเกือบได้ประตูอีกหน หลังสตรินิชเติมเกมขึ้นมาผ่านบอลไปหน้าปากประตูโปรตุเกสหวังให้มาร์เซโล่ โบรโซวิช พุ่งเข้าโขก แต่โจเซ่ ฟอนเต้ ที่วันนี้ลงแทนริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ และบรูโน่ อัลเวส โหม่งทิ้งได้ก่อน

แต่นาที 57 นาที เรนาโต้ ซานเชซ ที่เพิ่งย้ายจากเบนฟิก้า ไปบาเยิร์น มิวนิก และเป็นตัวสำรองในเกมนี้ ทำชิ่ง 1-2 กับเจา มาริโอ จนได้โอกาสยิงยิงไกล แต่บอลยังพลาดเป้าไปเยอะ

4 นาทีต่อมา โครเอเชียน่าได้ประตูที่สุด จากจังหวะที่โดมากอย วิด้า โขกลูกฟรีคิกเฉี่ยวเสาไกลออกไปนิดเดียว

อย่างไรก็ตาม นาที 64 โปรตุเกสได้ลุ้นบ้าง เมื่อนานี่โดนสตรินิชแนวรับโครแอตสกัดบอลผิดโฉ่งฉาง แทนที่จะเตะบอลกลับไปหวดเอาบั้นท้ายนานี่ในเขตโทษตัวเอง แต่ยังดีที่การ์ลอส เบลาสโก้ การ์บาโญ่ ผู้ตัดสินชาวสเปน ไม่เป่าเป็นลูกจุดโทษ

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีแรก โครเอเชียหวิดได้ประตูชัย จากจังหวะที่ดาริโย เซอร์น่า เปิดบอลไปให้นิโกล่า คาลินิช ศูนย์หน้าตัวสำรอง แต่เปเป้ยังไงกระโดดหวดบอลทิ้งได้ทัน

จบ 90 นาที โปรตุเกส เสมอ โครเอเชีย 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

เริ่มช่วงต่อเวลาครึ่งแรกได้แค่ 6 นาที ทั้งสองทีมน่าจะได้ประตูติดต่อกันภายในนาทีเดียว โดยเป็นโปรตุเกสได้ลุ้นก่อนเมื่อราฟาเอล เกอร์เรโร่ ได้บอลโอกาสโล่งๆ คนเดียวทางกราบซ้าย แต่โยนไปเข้าหัวฝ่ายตรงข้าม

หลังจากนั้นโครเอเชียได้จังหวะโต้กลับ ก่อนฟอนเต้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมฝอยทองทิ้งตัวสกัดบอลพลาด ทำให้คาลินิชพาลูกควบเข้าไปในเขตโทษ แต่กลับยิงทิ้งยิงขว้างแบบไม่มีเสียว

จบต่อเวลาครึ่งแรก ทั้งคู่ยังตีไข่กันไม่แตก 0-0

ช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลังนาที 113 โครเอเชียเกือบได้ประตูอีก เมื่อรุย ปาทริซิโอ นายทวารโปรตุเกสออกมาตัดลูกเตะมุมพลาด ส่งผลให้วิด้าได้โหม่งแต่บอลไม่ตรงกรอบ

แต่ช่วง 3 นาทีสุดท้าย กลับเป็นโปรตุเกสที่ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะสวนกลับจากที่ทีมจะเสียประตู แล้วก็เป็นคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดไปติดเซฟดาเนียล ซูบาชิช ในจังหวะแรก ก่อนริคาร์โด้ กวาเรสม่า ปีกตัวสำรองจะโหม่งซ้ำโล่งๆ เข้าไป

จากนั้นโครเอเชียทุ่มสุดตัว และเฉียดได้ประตูตีเสมอ แต่ลูกยิงของวิด้าก็ผ่านหน้าประตูคู่แข่งออกไป

จบเกม 120 นาที โปรตุเกสเฉือนชนะโครเอเชีย 1-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบโปแลนด์ วันที่ 30 มิถุนายน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image