ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2016” ที่ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายวันที่ 2 ระหว่าง “มังกรแดง” เวลส์ กับ “ปีศาจแดงยุโรป” เบลเยียม ที่สต๊าด ปิแอร์ โมรัว เมืองลีลล์ ตรงกับเวลาไทย 02.00 น. หรือเช้ามืดวันถัดไป
สภาพทีม เบลเยียมที่ถล่มฮังการี 4-0 ในรอบ 16 ทีมก่อนหน้านี้ ต้องพบข่าวร้าย เพราะนอกจากจะไม่มีโธมัส แฟร์มาเลน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งที่ติดโทษแบน 1 นัดแล้ว ยังเสียแยน แฟร์ตองเก้น แบ๊กซ้ายที่สามารถหุบมาเล่นเป็นปราการหลังตัวกลาง ซึ่งเจ็บยาวทั้งทัวร์นาเมนต์อีกด้วย แต่ยังพอมีเรื่องดีอยู่บ้าง หลังเอเด็น อาซาร์ จอมทัพตัวกลั่นที่มีอาการเจ็บขาขวาจากเกมฮังการี ฟิตทันเกมนี้แน่นอน
ผิดกับเวลส์ที่มีแต่ข่าวดี หลังแอชลีย์ วิลเลียมส์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมคนเก่ง ที่เจ็บไหล่ซ้ายช่วงท้ายเกมชนะไอร์แลนด์เหนือ 1-0 ในรอบก่อนหน้านี้อย่างหนักแต่กัดฟันเล่นจนจบ และถูกคาดว่าต้องพักในเกมกับเบลเยียมจะกลับมาช่วยทีมได้
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เวลส์ 3-5-2 : เวย์น เฮนเนสซีย์- เจมส์ เชสเตอร์, แอชลีย์ วิลเลียมส์, เบน เดวี่ส์- คริส กุนเทอร์, โจ อัลเลน, โจ เลดลีย์, อารอน แรมซีย์, นีล เทย์เลอร์- แซม โวกส์, แกเร็ธ เบล
เบลเยียม 4-2-3-1 : ธิโบต์ กูร์ตัวส์- โธมัส มูนิเย่ร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, โลร็องต์ ซิมอง, จอร์แดน ลูกากู- ราเดีย นาอิงโกลัน, อักเซล ซิตเซล- ดรีส เมอร์เทนส์, เควิน เดอ บรอยน์, เอเด็น อาซาร์- โรเมลู ลูกากู
สถิติพบกันทุกรายการ 12 ครั้ง สุดสูสีโดยเวลส์ชนะ 4 เบลเยียมชนะ 5 เสมอ 3 และเป็นเกมอุ่นเครื่อง 2 ครั้ง ซึ่งผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แถมยังเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1949 ส่วนอีก 10 ครั้งเป็นเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 3 และยูโร 2 ครั้ง แม้เบลเยียมจะเฉือนชนะมากกว่าที่ 4 ครั้ง และเวลส์ชนะ 3 แต่ถ้านับเฉพาะรายการที่เกี่ยวพันกับศึกยูโร ปรากฏว่าเวลส์ไม่เคยเสียท่าด้วยการชนะ 2 เสมอ 2 ล่าสุด ยังเบียดชนะ 1-0 ในเกมรอบคัดเลือกยูโรครั้งนี้กลางปี 2015
สำหรับผู้ชนะคู่นี้จะเจอโปรตุเกสในรอบตัดเชือก
โปรแกรมยูโรรอบ 8 ทีมสุดท้าย วันที่ 1 กรกฎาคม เวลส์ พบ เบลเยียม เวลา 02.00 น. ช่อง 33 HD
