คริส โคลแมน กุนซือทีมชาติเวลส์ ไม่คิดว่าตัวเองจะพาทีม “มังกรแดง” มาได้ไกลขนาดนี้ หลังพลิกล็อกโค่นเบลเยียม 3-1 ในศึก “ยูโร 2016” รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศไปพบโปรตุเกสอีก 5 วันข้างหน้า ทั้งที่เวลส์เพิ่งผ่านเข้ารอบสุดท้ายรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเล่นรายการใหญ่ในรอบ 58 ปีต่อจากฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน
เกมนี้เวลส์ตกเป็นรองไปก่อนตั้งแต่ 13 นาทีแรก หลังโดนราเดีย นาอิงโกลัน มิดฟิลด์เบลเยียมยิงไกลเข้าไป แต่ทีมฮึดเอาคืน 3 ลูกรวดจากแอชลีย์ วิลเลียมส์, ฮัล ร็อบสัน-คานู และแซม โวกส์ ที่เปลี่ยนลงมาแทนร็อบสัน-คานู
โดยโคลแมนซึ่งรับตำแหน่งนายใหญ่ทีมมังกรแดงช่วงต้นปี 2012 ต่อจากแกรี่ สปีด อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติเวลส์สมัยเป็นนักเตะด้วยกัน ที่ฆ่าตัวตายก่อนหน้านั้นไม่ถึง 2 เดือน ยังแนะนำให้ทุกคนกล้าฝันเหมือนเวลส์ เพราะตอนเข้ามาทำงานนี้ครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน คงไม่มีใครกล้าคิดว่าพวกเขาจะเข้าถึงรอบตัดเชือกยูโรรอบสุดท้ายแบบนี้ ดังนั้นอย่ากลัวที่จะฝัน และอย่ากลัวที่จะล้มเหลว เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา ตัวเองล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ อดีตผู้จัดการทีมสโมสรฟูแล่มในอังกฤษ วัย 46 ปีรายนี้ ยังย้ำในทำนองว่าเวลส์มาเพื่อลุ้นแชมป์อยู่ลึกๆ หลังกล่าวว่าทีมของเขาไม่ได้มาฝรั่งเศสเพราะได้สิทธิเข้ารอบเพียงอย่างเดียว แต่เวลส์มาเพื่อแข่งขันกับทุกทีมจริงๆ เนื่องจากทุกคนรู้สึกว่าทีมมีดีพอที่จะทำอะไรบางอย่างให้โลกได้เห็น
อย่างไรก็ตาม เวลส์จะหมดสิทธิใช้งาน 2 นักเตะตัวหลักอย่างอารอน แรมซีย์ ห้องเครื่องของทีม และเบน เดวี่ส์ กองหลังในเกมตัดเชือกกับโปรตุเกส เนื่องจากทั้งคู่สะสมใบเหลืองครบ 2 ใบในเกมนี้ ส่งผลให้ถูกแบน 1 นัด ส่วนคนอื่นที่มีใบเหลืองติดตัว 1 ใบ จะได้รับการล้างใบเหลืองในรอบรองชนะเลิศ
