การแข่งขันเทนนิสหญิง ดับเบิลยูทีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ทัวร์นาเมนท์ รายการ “จีเอสบี ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020 พรีเซนเต็ด บาย อีเอ” ที่ จีเอสบี เซ็นเตอร์ คอร์ต ใน ทรู อารีนา หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
ไฮไลต์อยู่ที่ประเภทหญิงคู่ รอบก่อนรองชนะเลิศ (8 คู่สุดท้าย) แข่งขันที่คอร์ต 2 “แทมมี่” แทมมารีน ธนสุกาญจน์ นักเทนนิสหญิงขวัญใจชาวไทย อดีตมืออันดับ 19 ของโลก จับคู่กับ คาเทรีน่า บอนดาเร็นโก้ นักหวดสาวยูเครน ในฐานะคู่ไวลด์การ์ด ลงดวลแร็กเกตพบกับ บาร์บาร่า ฮาส จากออสเตรีย และเอลเล็น เปเรซ จากออสเตรเลีย
แมตช์นี้ต้องหวดกันท่ามกลางกระแสลมที่ค่อนข้างแรง โดยเซตแรกคู่ของแทมมี่และบอนดาเร็นโก้ ตีเสียเองหลายครั้ง ส่วนคู่ของ ฮาสและเปเรซ เล่นเกมเสิร์ฟได้ดี ก่อนปิดเซตชนะได้ก่อน 6-3 เซตสองคู่แทมมี่ และบอนดาเร็นโก้ พยายามฮึดหวดเบียดทำแต้ม แต่เป็นฮาสและเปเรซ เล่นได้เฉียบขาดกว่าหวดชนะไปได้อีก 6-4 และเสิร์ฟเอซได้ 7 ครั้ง
สรุปผลการแข่งขัน แทมมารีนและบอนดาเร็นโก้ แพ้ ฮาสและเปเรซ 0-2 เซต 3-6, 4-6 ใช้เวลาแข่งขัน 1 ชั่วโมง 12 นาที ส่งผลให้แทมมารีนและบอนดาเร็นโก้ ตกรอบก่อนรองชนะเลิศไป ส่วนฮาสและเปเรซ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเข้าไปพบเผิง ส่วย และหวัง หย่าฟ่าน คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการจากจีนต่อไป
หลังจบการแข่งขัน “แทมมี่” แทมมารีน กล่าวว่า เกมนี้เป็นเกมที่ตีได้ดี และมีพลาดเสียนิดๆ หน่อยๆ ทำให้เกมเปลี่ยนไป ซึ่งก็ต้องชมบอนดาเร็นโก้ที่เล่นได้ดี ทำให้ตัวเองเล่นได้ง่ายขึ้น ขณะที่คู่ต่อสู้เองก็เสิร์ฟดีด้วย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมถือว่าส่วนตัวตีได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับต้นปีที่ผ่านมา หลังจากนี้คงจะไปแข่งขันรายการระดับชาลเลนเจอร์ ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเก็บแต้มไปโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นเป้าหมายสูงสุดในปีนี้ ซึ่งก็เหลือระยะเวลาในการเก็บคะแนนราวๆ 4-5 เดือนเท่านั้น
ส่วน คาเทรีน่า บอนดาเร็นโก้ กล่าวว่า คิดว่าเป็นการจับคู่กันที่ดี และช่วยกันเล่นได้อย่างเข้าขาลงตัว แต่น่าเสียดายที่วันนี้พ่ายไป ส่วนในอนาคตก็ยังมีโอกาสที่จะได้จับคู่แข่งขันร่วมกันได้อีกในรายการต่อๆ ไป
ขณะที่ประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ (8 คนสุดท้าย) แพทริเซีย มาเรีย ทิจ นักหวดมือ 105 โลกจากโรมาเนีย ลงสนามพบเจิ้ง ไซไซ มือวางอันดับ 4 ของรายการ และมือ 36 โลกจากจีน
แมตช์นี้ปรากฏว่า เกิดการพลิกล็อกขึ้น โดยแพทริเซีย มาเรีย ทิจ งัดฟอร์มแกร่งไล่หวดโค่นชนะ เจิ้ง ไซไซ 2-0 เซต 6-4, 6-2 ใช้เวลาการแข่งขันทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 39 นาที ซึ่งนับชัยชนะของแพทริเซีย ที่เขี่ยนักเทนนิสมือวางตกรอบเป็นคนที่ 2 ในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังจากที่ล้มหวัง หย่าฟ่าน มือวางอันดับ 6 ของรายการ และมือ 56 โลกจากจีน มาได้ในรอบแรก ส่งผลให้แพทริเซีย มาเรีย ทิจ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไปได้สำเร็จ
หลังการแข่งขัน แพทริเซีย มาเรีย ทิจ กล่าวว่า แมตช์นี้ค่อนข้างยาก และมีความกังวลใจพอสมควร แต่ก็สามารถปรับตัวในการเล่นได้ ทั้งนี้ ได้เดินทางมาแข่งที่เมืองไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้เจอกับนักเทนนิสจีน รวมถึงในรายการก็ได้เจอกับนักหวดจีนหลายคน แต่ไม่ได้กังวลอะไร และก็ผ่านมาได้ สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่มา เพียงแค่พยายามลงเล่นในแต่ละรอบให้ดีที่สุด แต่ก็รู้สึกกังวลเรื่องสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดในแต่ละแมตช์
“ชัยชนะในแมตช์นี้ขอมอบให้กับสามีเนื่องในวันวาเลนไทน์ เพราะเขาถือเป็นกำลังใจที่สำคัญมากที่สุดของฉัน และที่ผ่านมาเขาก็ช่วยเป็นแรงใจให้ในการเล่นเทนนิสของฉันมาโดยตลอด แต่ส่วนตัวฉันคิดว่าทุกวันเป็นวันวาเลนไทน์อยู่แล้ว” นักหวดสาวโรมาเนียกล่าว
ส่วน แม็กด้า ลิเน็ตต์ มือวางอันดับ 5 ของรายการ และมือ 42 โลกจากโปแลนด์ ฮึดกลับมาเอาชนะ หวัง ซิหยู นักหวดสาวดาวรุ่งจีน วัย 18 ปี มือ 134 โลก ดีกรีแชมป์จูเนียร์ วิมเบิลดัน ปี 2018 ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 เซต 2-6, 6-3, 6-3 ใช้เวลาการแข่งขัน 1 ชั่วโมง 56 นาที ทำให้แม็กด้า ลิเน็ตต์ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเข้าไปพบกับ แพทริเซีย มาเรีย ทิจ นักหวดมือ 105 โลกจากโรมาเนียต่อไป