ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2016” ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงดึกของวันที่ 3 กรกฎาคม เป็นการแข่งขันในรอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย คู่สุดท้ายระหว่างเจ้าภาพ “ตราไก่” ฝรั่งเศส พบทีมจอมเซอร์ไพรส์อย่างไอซ์แลนด์ ซึ่งผ่านเข้ามาร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยแข่งขันกันที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ย่านแซงต์-เดนีส์ กรุงปารีส
สำหรับสถิติที่ฝรั่งเศสเคยพบกับไอซ์แลนด์ก่อนหน้านี้ 11 ครั้ง ปรากฏว่า ฝรั่งเศสคว้าชัยชนะได้ถึง 8 นัด เสมอกันอีก 3 นัด และไม่เคยปราชัยเลย ซึ่งฝรั่งเศสสามารถยิงประตูได้มากถึง 30 ประตู และเสียประตูไปเพียงแค่ 8 ประตูเท่านั้น โดยนัดล่าสุดที่พบกันนั้น ฝรั่งเศสเฉือนชนะไอซ์แลนด์ 3-2 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 2012
เกมนี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องป์ กุนซือฝรั่งเศสไม่สามารถใช้งาน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวรับ และอาดิล รามี่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักที่ติดโทษแบน โดยจัดทัพชุดดีที่สุดลงสนามในระบบการเล่น 4-3-3 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู อูโก้ โยริส (กัปตันทีม) / กองหลัง บาการี่ ซานญ่า, ซามูเอล เอิงติตี้, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, ปาทริซ เอวร่า / กองกลาง ปอล ป๊อกบา, เบลส มาตุยดี้, มุสซ่า ซิสโซโก้ / แดนหน้า อ็องตวน กรีซมันน์, ดิมิทรี ปาเยต และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
ขณะที่ ลาร์ส ลาเกอร์บัค กุนซือชาวสวีเดน และไฮเมียร์ ฮัลกริมส์สัน ทันตแพทย์ ซึ่งเป็นกุนซือคู่ทีมไอซ์แลนด์วางแผนการเล่นในระบบ 4-4-2 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ฮานเนส ฮัลดอร์สสัน / กองหลัง เบียร์เกียร์ แซวาร์สสัน, คารี่ อาร์นาสัน, แร็กนาร์ ซิกูร์ดส์สัน, อารี เฟรย์ สกูลาสัน / กองกลาง อารอน กุนนาร์สสัน (กัปตันทีม), กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน, โยฮันน์ เบิร์ก กุ๊ดมุนด์สัน, เบียร์เกียร์ บียาร์นาสัน / กองหน้า ยอน ดาดี้ โบดวาร์สสัน และโคลเบน ซิกธอร์สสัน
เกมครึ่งแรกนาทีที่ 3 ไอซ์แลนด์เปิดฉากได้โอกาสทักทายจากจังหวะที่ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ดึงบอลลงในเขตโทษแล้วตวัดยิงบอลไปเข้ามืออูโก้ โยริส
นาทีที่ 5 ฝรั่งเศสได้จังหวะยิงจากนอกกรอบเขตโทษของดิมิทรี ปาเยต แต่บอลไปตรงตัวนายด่านไอซ์แลนด์
เข้าสู่นาทีที่ 12 ทัพตราไก่พังประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 เบลส มาตุยดี้ วางบอลยาวให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปตะบันด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อส่งบอลลอดขานายทวารไอซ์แลนด์เข้าไปตุงตาข่าย และเป็นประตูที่ 2 ของเขาในทัวร์นาเมนต์นี้
นาทีที่ 20 ฝรั่งเศสขยับสกอร์หนีห่างไปเป็น 2-0 จากการเปิดลูกเตะมุมของอ็องตวน กรีซมันน์ โยนเข้าไปในเขตโทษให้ปอล ป๊อกบาโถมขึ้นโขกบอลเต็มหัวเข้าประตูไป
นาทีที่ 25 ไอซ์แลนด์ใช้ลูกทุ่มไกลเป็นทีเด็ดได้ลุ้นประตูตีไข่แตก โดยเป็นโคลเบน ซิกธอร์สสัน พุ่งเข้าชาร์จบอลข้ามคานออกไป
จากนั้นเข้าสู่นาทีที่ 35 ฝรั่งเศสครองบอลได้มากกว่า และพยายามหาช่องบุกเข้าทำลุ้นยิงประตูเพิ่มเติม
นาทีที่ 38 ดิมิทรี ปาเยต ดาวเตะเมืองน้ำหอมตวัดบอลเข้ากลางให้เบลส มาตุยดี้พุ่งเข้ามายิงบอลหลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 43 ฝรั่งเศสเดินหน้ารัวประตูที่ 3 จากจังหวะที่อ็องตวน กรีซมันน์ จ่ายบอลคืนให้ดิมิทรี ปาเยต แต่งบอลเข้าเท้าซ้ายแล้วตะบันเสียบเสาสองเข้าประตูไปอย่างงดงาม
นาทีที่ 45 ฝรั่งเศสซัดประตูทิ้งขาด 4-0 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ปล่อยบอลหลอกให้อ็องตวน กรีซมันน์ หลุดเดี่ยวเข้าไปชิพบอลอย่างเหนือชั้นเข้าไปตุงตาข่าย และเป็นประตูที่ 4 ของกรีซมันน์ในศึกยูโร 2016 พร้อมขึ้นนำดาวซัลโวเดี่ยว
จบครึ่งแรกฝรั่งเศสนำห่างไอซแลนด์ 4-0
ครึ่งหลังไอซ์แลนด์ปรับทัพแก้เกมด้วยการส่ง 2 ตัวสำรองลงสนามมาคือ สเวอร์เรียร์ อินกี้ อินกาสัน และอัลเฟรด ฟินน์โบกาสัน
นาทีที่ 52 ฝรั่งเศสยังครองบอลบุกได้อย่างต่อเนื่อง และได้โอกาสยิงถึง 2 จังหวะจากดิมิทรี ปาเยต และปอล ป๊อกบา แต่บอลหลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 56 ไอซ์แลนด์ตีไข่แตกไล่มา 1-4 จากจังหวะที่กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สันเปิดบอลยัดเข้าที่เสาแรกให้โคลเบน ซิกธอร์สสัน พุ่งเข้าชาร์จบอลตุงตาข่าย
แต่นาทีที่ 59 ฝรั่งเศสยิงประตูหนีไปอีกเป็น 5-1 ดิมิทรี ปาเยต โยนลูฟรีคิกเข้าไปให้โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ขึ้นโฉบโหม่งบอลเข้าประตูไป
จากนั้นเข้าสู่นาทีที่ 63 ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกใส่กัน และไอซ์แลนด์ได้ลุ้นยิงประตูที่ 2 ไล่ตามมา แต่อูโก้ โยริส นายทวารฝรั่งเศสโชว์ซุปเปอร์เซฟปัดทิ้งเอาไว้ได้ทัน
นาทีที่ 84 ไอซ์แลนด์ได้ประตูไล่มาเป็น 2-5 อารี เฟรย์ สกูลาสัน โยนบอลเข้ากลางให้เบียร์เกียร์ บียาร์นาสันขึ้นโขกบอลเข้าไป
จบเกมฝรั่งเศสถล่มชนะไอซ์แลนด์ 5-2 ซึ่งเป็นแมตช์ที่ยิงประตูรวมกันมากที่สุดของยูโร 2016 พร้อมทำให้ฝรั่งเศสทะยานผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี อดีตแชมป์ยูโร 3 สมัย ในวันที่ 7 กรกฎาคม ตามเวลาประเทศไทย 02.00 น.
