‘ฝรั่งเศส’ ดับ ‘เยอรมนี’ 2-0 เข้าชิงดำ ‘โปรตุเกส’ ศึกยูโร 2016

อ็องตวน กรีซมันน์ (ซ้าย) เหมาคนเดียว 2 ประตูให้ฝรั่งเศสชนะเยอรมนี 2-0 (ภาพ AFP)

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2016” ที่ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 7 กรกฎาคม เป็นเกมรอบรองชนะเลิศคู่ที่ 2 ระหว่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี แชมป์สูงสุดร่วม 3 สมัย พบ “ตราไก่” ฝรั่งเศส เจ้าภาพ และแชมป์ 2 สมัย ที่สต๊าด เวโลโดรม เมืองมาร์เซย

ปรากฏว่า เยอรมันไม่มี 3 นักเตะตัวหลัก หลังมัตส์ ฮุมเมลส์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟติดโทษแบน ส่วนมาริโอ โกเมซ ศูนย์หน้า และซามี เคดิร่า กลางรับเจ็บทั้งคู่ แถมโยอาคิม เลิฟ กุนซือของทีมตัดสินใจส่งเอ็มเร่ ชาน นักเตะสารพัดประโยชน์เล่นแทนเคดิร่า

ขณะที่ฝรั่งเศส ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบน อีกทั้งดิดิเย่ร์ เดส์ช็องป์ โค้ชเจ้าถิ่นใช้ 11 ตัวจริงจากรอบก่อนหน้านี้ที่ถล่มไอซ์แลนด์ 5-2 แม้เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวตัดเกม กับ อาดิล รามี่ ปราการหลังตัวกลางจะพ้นโทษแบนกลับมาก็ตาม

Advertisement

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ฝรั่งเศส 4-2-3-1 : อูโก้ โยริส- บาการี่ ซาญ่า, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, ซามูเอล เอิงติตี้, ปาทริซ เอวร่า- ปอล ป๊อกบา, เบลส มาตุยดี้- มุสซ่า ซิสโซโก้, อ็องตวน กรีซมันน์, ดิมิทรี ปาเยต- โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
เยอรมนี 4-2-3-1 : มานูเอล นอยเออร์- โจชัว คิมมิค, เจอโรม บัวเต็ง, เบเนดิกต์ โฮเวเดส, โยนาส เฮคเตอร์- บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, เอ็มเร่ ชาน- เมซุต โอซิล, โทนี่ โครส, จูเลียน ดรากซ์เลอร์- โธมัส มุลเลอร์

เปิดฉากได้ 7 นาที ฝรั่งเศสเกือบได้ประตูจากจังหวะที่อ็องตวน กรีซมันน์ ลากเลื้อยตัดจากฝั่งซ้ายเข้าไปยิงบริเวณหน้าประตูเยอรมัน แต่ยังไม่ผ่านมือมานูเอล นอยเออร์

Advertisement

แต่ 7 นาทีต่อมา เยอรมันมีโอกาสบ้าง หลังเอ็มเร่ ชาน ตวัดบอลไปติดเซฟอูโก้ โยริส นายทวารฝรั่งเศส

นาที 26 เยอรมันยังได้ลุ้นต่อเนื่อง จากการยิงไกลของบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ แต่โยริสยังบินปัดบอลออกหลังไปได้

6 นาทีให้หลัง เยอรมันเกือบได้ประตูอีกแล้ว แม้จูเลียน ดรากซ์เลอร์ จะเอาบอลลงในเขตโทษคู่แข่งไม่ดี แต่ลูกเหมือนจะเป็นใจกำลังจะกระเด้งไปเข้าทางโธมัส มุลเลอร์ ที่ยืนจ่อๆ หน้าเส้นประตูแค่ 6 หลา ทว่าซามูเอล เอิงติตี้ แนวรับดาวรุ่งฝรั่งเศส ตามมาสกัดบอลทิ้งหวุดหวิด

ขณะที่ในช่วง 3 นาทีสุดท้ายครึ่งแรก ฝรั่งเศสพลาดโอกาสได้ประตูอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่เจอโรม บัวเต็ง กองหลังเยอรมัน ขึ้นโหม่งบอลบริเวณกลางสนามพลาด ส่งผลให้โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กองหน้าเจ้าถิ่่นได้บอลหลุดเดี่ยว แต่กลับไม่เปิดบอลเข้ากลางให้กรีซมันน์ที่วิ่งตามไปโล่งๆ ก่อนโดนเบเนดิกต์ โฮเวเดส สกัดในจังหวะยิงของชิรูด์ได้ทัน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงทดเวลาเจ็บ ฝรั่งเศสได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ปาทริซ เอวร่า กองหลังทีมตราไก่ขึ้นโหม่งลูกเตะมุมไปโดนมือชไวน์สไตเกอร์ ส่งผลให้นิโคล่า ริซโซลี่ ผู้ตัดสินจากอิตาลี เป่าให้เป็นจุดโทษของฝรั่งเศส ท่ามกลางการประท้วงของนักเตะเยอรมัน แล้วก็เป็นกรีซมันน์ที่ยิงจุดโทษเข้าไปให้ฝรั่งเศสนำ 1-0

กลับมาเล่นครึ่งหลังได้แค่นาทีเดียว ฝรั่งเศสเกือบได้ลูกที่ 2 เมื่อชิรูด์ได้บอลในเขตโทษฝรั่งเศส แต่จังหวะสุดท้ายยิงไปบล็อกบัวเต็ง

จากนั้นสถานการณ์เยอรมันแย่ลงไปอีก เมื่อปราการหลังคนสำคัญอย่างบัวเต็งเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 60

นาที 72 ฝรั่งเศส นำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ปอล ป๊อกบา โยกหลอกชโคดราน มุสตาฟี่ ตัวสำรองที่ลงมาแทนบัวเต็ง ก่อนจะเปิดโด่งมากลางประตู แล้วนอยเออร์ออกมาปัดบอลไม่ดีไปเข้าทางกรีซมันน์จิ้มเข้าไป นับเป็นประตูที่ 6 ของเจ้าตัวในทัวร์นาเมนต์นี้ นำโด่งเป็นดาวซัลโวต่อไป

10 นาทีต่อมา เยอรมันมีโอกาสตีไข่แตกจากการโหม่งของโฮเวเดส แต่บอลเหินข้ามคานออกไป

ช่วงทดเวลาเจ็บนาทีที่ 3 จาก 4 นาที โจชัว คิมมิค แบ๊กขวาเยอรมันโหม่งบอลจ่อๆ ไปติดเซฟโยริส

จบเกม ฝรั่งเศส ชนะ เยอรมนี 2-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบโปรตุเกส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image