ก.กีฬา จับมือ สธ.หามาตรการคัมแบ๊กจัดมวยไทย-ฟุตบอล กองทุนกีฬาฯ เร่งเยียวยา

ก.กีฬา จับมือ สธ.หามาตรการคัมแบ๊กจัดมวยไทย-ฟุตบอล กองทุนกีฬาฯ เร่งเยียวยา

ตามที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ออกแนวทางมาตรการผ่อนปรนสำหรับกิจการและกิจกรรมออกเป็น 4 ระยะ โดยระยะแรกให้กิจการ และกิจกรรมที่มีความเสี่ยงน้อยกลับมาดำเนินการก่อนในวันที่ 3 พฤษภาคมเป็นวันแรก ส่วนกิจกรรมการแข่งขันกีฬา เช่นสนามมวย สนามฟุตบอล จัดว่ามีความเสี่ยงสูง จึงต้องจัดไว้เป็นกลุ่มท้ายสุดที่จะได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 4 หลังจากที่สนามมวยถูกสังคมมองว่าเป็นแหล่งแพร่ระบาดวงกว้างของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่เห็นนโยบายการผ่อนปรนแล้ว กกท.ได้แบ่งเกณฑ์ของการกลับมาเล่นกีฬา และแข่งขันได้เป็นเฟส โดยเฟสแรก คือ การออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ หรือสถานที่เปิด ซึ่งเริ่มต้นวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ จะพิจารณาสถานการณ์ใน 14 วัน ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีผู้ติดเชื้อก็จะเปิดสถานกีฬาต่างๆ เพิ่มอีก โดยเฟสต่อไปจะเป็นกีฬาประเภทบุคคล ที่ไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกัน เล่นในพื้นที่เปิด หรือพื้นที่ปิดหลังคาสูง เช่น แบดมินตัน เทนนิส แต่ก็ต้องมีมาตรการในการรักษาระยะห่างเหมือนเดิม

ผู้ว่า กกท.กล่าวอีกว่า ในส่วนของมวยไทย และฟุตบอล ที่เป็นกีฬาที่คนไทยให้ความสนใจมากนั้น ยังคงไม่ได้ให้มีการแข่งขันกันในเร็วๆ นี้ เพราะมีความเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อกันได้ แต่ก็กำลังหามาตรการว่าจะทำอย่างไรให้จัดแข่งขันได้ในอนาคตอย่างปลอดภัย เบื้องต้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมือกันตั้งคณะกรรมการในการดูแลเรื่องนี้แล้ว ซึ่งในวันที่มวยจะกลับมาต่อยได้ จะต้องมีการแข่งแบบปิด ห้ามแฟนมวยเข้าชม เจ้าหน้าที่ในสนามต้องเว้นระยะห่างตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้

“ส่วนฟุตบอลลีกอาชีพตอนนี้ได้เลื่อนฤดูกาลแข่งขันออกไปในเดือนกันยายน ทำให้ยังมีเวลาในการดูสถานการณ์ และวางแผนรับมืออยู่ แต่ก็สามารถกลับมาซ้อมได้ แต่ให้มีการเว้นระยะจากกันให้เหมาะสม ขณะที่ความเดือดร้อนของนักมวย นักฟุตบอล รวมทั้งโค้ชนั้น ได้มีการตั้งคณะทำงาน เพื่อหาแนวทางเยียวยาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งสำรวจความคิดเห็นจากคนวงการมวยไปแล้ว โดยในการประชุมกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติในครั้งต่อไปจะนำประเด็นนี้ไปหารือกันว่าจะช่วยเหลือเท่าไร อย่างไร และกฎเกณฑ์เป็นอย่างไร” ดร.ก้องศักด กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image