ว่ายน้ำวางมาตรการเข้ม หลังปลดล็อกสระกลางแจ้ง-ในร่ม เร่งเยียวยาวบุคลากร
หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ปลดล็อคกิจการ และกิจกรรมในระยะ 2 บางอย่างให้สามารถกลับมาดำเนินการได้ ซึ่งรวมถึงสระว่ายน้ำสาธารณะ ทั้งกลางแจ้ง และในร่ม แต่ให้จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการและต้องมีอุปกรณ์ขึงระหว่างลู่นั้น
“โค้ชตึก” นายธนาวิชญ์ โถสกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การดำเนินงานหลังจากนี้เมื่อได้รับการปลดล็อคจาก ศบค. แล้ว สมาคมจะทำหนังสือถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อขอเข้าใช้สระว่ายน้ำในการฝึกซ้อม ซึ่งได้มีมาตรการรองรับเอาไว้แล้ว ทั้งการตรวจวัดไข้ก่อนเริ่ม การแบ่งซ้อมเป็นรอบๆ การเว้นระยะห่าง แนวทางนี้ก็ได้แจ้งไปยังสโมสรสมาชิกแล้วด้วย เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทางเดียวกัน
โค้ชตึกกล่าวว่า สำหรับกีฬาว่ายน้ำจะมีการซ้อมตลอดทั้งปี เพราะมีการแข่งขัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขาดซ้อมเป็นช่วงเวลาเกือบ 3 เดือน ทำให้สภาพร่างกายนักกีฬาถดถอยไป จากนี้จะพยายามเรียกความฟิตกลับมาแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ จากการพูดคุยฝ่ายเทคนิคประเมินว่าการจะให้นักกีฬาจะกลับมาในสภาพ 80 เปอร์เซ็นจะต้องใช้เวลา 4-6 เดือน และถ้าจะว่ายในสถิติเดิมที่เคยทำไว้ ต้องใช้เวลาอีก 3 เดือน รวมเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 9 เดือน
นายธนาวิชญ์ กล่าวอีกว่า ส่วนโปโลน้ำแม้จะยังร่วมทีมกันไม่ได้ แต่นักกีฬายังต้องลงสระฝึกซ้อมว่ายน้ำกันไปก่อน ไว้เมื่อมีการคลายล็อคเพิ่มเติม ค่อยมารวมทีม ซึ่งโอลิมปิกจะเลื่อนไปแข่งขันในปีหน้า ทำให้รอบคัดเลือกต้องขยับออกไปเป็นช่วงต้นปีหน้าเช่นกัน จึงยังถือว่ามีเวลา ด้านการช่วยเหลือบุคลากรกีฬาว่ายน้ำ สมาคมได้หารือกันแล้ว เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบผู้ที่ได้รับเดือดร้อน และไม่ได้รับการเยียวยาจากที่ไหนเลย เพราะบางคนมีงานประจำ และมารับเป็นครูสอนว่ายน้ำเสริมด้วย
“แต่บางคนรับงานตรงนี้อย่างเดียว พอปิดสระก็ได้รับผลกระทบ ตรงนี้เราต้องเข้าไปช่วย หากได้จำนวนที่แน่นอนก็จะของบประมาณของสมาคมเพื่อมาช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ส่วนสโมสรสมาชิกประมาณ 290 สโมสร ก็รับเรื่องมาแล้ว ก็จะมีการประชุมเพื่อหาแนวทางช่วยต่อไป”
