คิปแซง นักวิ่งมาราธอนดังถูกแบน 4 ปี เหตุเมินตรวจสารกระตุ้น-ให้หลักฐานเท็จ
วิลสัน คิปแซง นักวิ่งสตาร์ดังชาวเคนยาวัย 38 ปี อดีตเจ้าของสถิติโลกวิ่งมาราธอน ถูกสั่งแบนเป็นเวลา 4 ปี เนื่องจากละเมิดกฎต่อต้านการใช้สารต้องห้าม จากการประกาศของคณะกรรมาธิการด้านจริยธรรมของสหพันธ์กรีฑาโลก (Athletics Integrity Unit หรือ เอไอยู ) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม
โดยคิปแซง ถูกพบว่ามีความผิดฐานไม่เข้ารับการตรวจหาสารต้องห้าม 3 ครั้ง ระหว่างเดือนเมษายน 2018 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2019 โดยพลาดการทดสอบหาสารกระตุ้น 3 ครั้งภายใน 12 เดือนจึงถูกแบนอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบได้พบความผิดของคิปแซงเพิ่มเติม นั่นคือการดัดแปลงตัวอย่างสำหรับทดสอบสารกระตุ้น รวมถึงให้หลักฐานและพยานเท็จ ส่งผลให้เอไอยูแถลงลงโทษแบนคิปแซงเป็นเวลา 4 ปี โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมปีนี้เป็นต้นไป ส่วนผลการแข่งขันตั้งแต่ 12 เมษายน 2019 เป็นต้นมานั้นจะไม่ถูกรับรอง
ทั้งนี้ ภายใต้กฎข้อบังคับเพื่อต่อต้านการใช้สารต้องห้ามในหมู่นักกีฬานั้น กำหนดว่านักกีฬาจะต้องแจ้งหน่วยงานตรวจสอบสถานที่ของพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงทุกวัน หากล้มเหลวต่อการปฏิบัติตามเป็นจำนวน 3 ครั้งใน 12 เดือน หรือการไม่ปรากฏตัวในเวลาดังกล่าว หรือการยื่นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง, ไม่สมบูรณ์ หรือต้องสงสัยว่าเกิดการดัดแปลงตัวอย่างทดสอบ ก็จะถูกตั้งข้อหาซึ่งนำไปสู่การแบนอัตโนมัติ
สำหรับ คิปแซง เป็นนักวิ่งระยะไกลที่ทำสถิติโลกในการแข่งขันเบอร์ลิน มาราธอน 2013 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 3 นาที 23 วินาที ซึ่งในการแข่งขันนี้เอง ส่งผลให้คิปแซงเป็นนักวิ่งเพียงคนเดียวที่สามารถเอาชนะอีลิอุด คิปโชเก้ ยอดนักวิ่งระยะไกลชาวเคนยา เจ้าของสถิติโลกคนปัจจุบัน นอกจากนี้ คิปแซง ยังเคยคว้าเหรียญทองแดงในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน, เคยคว้าแชมป์มาราธอนที่ลอนดอน (2012 กับ 2014) และที่นิวยอร์ก (2014) ปัจจุบันคิปแซง ได้ชื่อว่าเป็นนักวิ่งมาราธอนเร็วที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ด้วยผลงานส่วนตัว 2 ชั่วโมง 3 นาที 13 วินาที
คิปแซงถือเป็นนักวิ่งดังของเคนยาคนล่าสุดที่ถูกแบนเนื่องจากไม่เข้ารับการตรวจหาสารกระตุ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เจมิม่า ซัมกอง ปอดเหล็กสาว เคนยา ดีกรีแชมป์วิ่งมาราธอน โอลิมปิกเกมส์ 2016 เคยถูกแบนเป็นเวลา 4 ปี เมื่อปี 2017 ตามมาด้วยอัสเบล คิปรอป นักวิ่ง 1,500 เมตรชาย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2008 และเจ้าของแชมป์โลก 3 สมัย ที่ถูกแบน 4 ปี เมื่อปี 2019