สกู๊ปพิเศษ กอล์ฟ-เทนนิส และบทเรียนราคาแพงยุคโควิด
แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจาก โควิด-19 จะยังคงเพิ่มสูงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ แต่สถานการณ์วงการกีฬาโลกก็เริ่มคลี่คลายไปในทางบวกมากขึ้น
หลายๆ ชนิดกีฬาเริ่มกลับมาทำการแข่งขันแบบ “นิวนอร์มอล” เช่น ลีกฟุตบอลยุโรปที่เตะภายในสนามปิด พร้อมระเบียบเรื่องการเว้นระยะทางสังคมมากมาย หรือลีกบาสเกตบอลเอ็นบีเอที่กำลังจะกลับมาแข่งกันปลายเดือนกรกฎาคมนี้
โดยรวมศูนย์จัดที่ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต เมืองออร์แลนโด เพียงแห่งเดียว เพื่อควบคุมไม่ให้นักกีฬาเสี่ยงอันตรายในการติดเชื้อเวลาต้องเดินทางข้ามรัฐหรือข้ามเมืองเพื่อแข่งขัน
ขณะที่ พีจีเอทัวร์ ทัวร์กอล์ฟสูงสุดของฝ่ายชาย เริ่มกลับมาแข่งได้หลายสัปดาห์แล้ว โดยยังไม่เปิดให้แฟนๆ เข้าไปชมในสนาม และพยายามเน้นให้นักกอล์ฟรักษาระยะห่างระหว่างกันเอาไว้ ขณะที่ก่อนแข่งขัน นักกีฬาทุกคนต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดเพื่อการันตีก่อนด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากเริ่มต้นการแข่งขันมา จนถึงขณะนี้มีนักกอล์ฟที่ตรวจพบเชื้อโควิดแล้ว 6 ราย ทั้งก่อนจะลงแข่งขัน และบางคนเจอระหว่างการแข่งขันจนต้องถอนตัว ทั้งที่ก่อนแข่งผลตรวจเป็นลบ แต่เมื่อแข่งๆ ไป เริ่มมีอาการจนต้องขอตรวจซ้ำ นักกอล์ฟบางรายต้องถอนตัวกลางคัน เพราะแคดดี้หรือคนใกล้ชิดติดโควิดก็มี
ถึงอย่างนั้น หลายคนซึ่งรวมถึงโปรกอล์ฟมือ 1 ของโลก รอรี่ แม็คอิลรอย ก็ออกมาคัดค้านหากจะยกเลิกการแข่งขันที่กำลังแข่งๆ อยู่ไปเลยเมื่อตรวจเจอนักกีฬาติดโควิดคนสองคน เพราะมองว่าเป็นการตื่นตูมจนเกินไป
ที่น่าสนใจคือ ล่าสุด พีจีเอทัวร์เพิ่งปรับระเบียบเรื่องการให้นักกอล์ฟกลับมาแข่งขัน หรือแคดดี้กลับมาทำหน้าที่ได้หลังตรวจพบเชื้อโควิด จากเดิมที่กำหนดว่าต้องกักตัว 10 วัน เปลี่ยนมาอนุญาตให้ร่วมแข่งได้ถ้าผลตรวจไวรัสเป็นลบ 2 ครั้ง ในการตรวจที่ใช้เวลาห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ตามระเบียบใหม่ของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ของสหรัฐอเมริกา
ส่งผลให้ คาเมรอน แชมป์ โปรกอล์ฟชาวอเมริกัน สามารถร่วมแข่งขันรายการ มอร์ตเกจ คลาสสิก ที่เมืองดีทรอยต์ สุดสัปดาห์นี้ได้ ทั้งที่เพิ่งเจอโควิดในรายการ ทราเวเลอร์ส แชมเปี้ยนชิพ เมื่อสัปดาห์ก่อน
ถึงจะบอกว่าเป็นไปตามระเบียบ แต่ก็ทำให้หลายคนอดห่วงไม่ได้ว่าเป็นการผ่อนคลายมาตรการเร็วเกินไปหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์โรคระบาดในสหรัฐอเมริกายังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย กับตัวเลขผู้ติดเชื้อเกือบ 3 ล้านคน และเสียชีวิตแล้วกว่า 130,000 ราย
กอล์ฟที่เดินทางข้ามรัฐเสียเป็นส่วนใหญ่ว่าน่าเป็นห่วงแล้ว กีฬาประเภทบุคคลที่ต้องเดินทางข้ามประเทศแทบทุกสัปดาห์อย่างเทนนิสยิ่งหนักข้อกว่า
ช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อน โนวัก โยโควิช นักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวเซอร์เบีย เพิ่งได้รับบทเรียนราคาแพงครั้งสำคัญในชีวิต จากการแข่งขัน อาเดรียทัวร์ ที่ตัวเองจัดขึ้น
การแข่งขันดังกล่าวเริ่มต้นด้วยเจตนาดี ให้นักเทนนิสในละแวกใกล้เคียงกับภูมิภาคบอลข่านได้มีแมตช์เรียกความฟิตก่อนเทนนิสจะกลับมาแข่งจริงในเดือนสิงหาคม รวมถึงหาทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด และยังเป็นการปลุกขวัญกำลังใจของคนในสังคมหลังจากรู้สึกแย่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกันมานานอีกด้วย
โนเล่เชิญเพื่อนนักหวดดังๆ เข้าร่วมหลายคน แต่ปัญหาคือ อาเดรียทัวร์ซึ่งจัดแข่งไป 2 สนามที่เซอร์เบียและโครเอเชีย ไม่ได้ยึดหลักการนิวนอร์มอล ไม่ได้เว้นระยะทางสังคม แต่เปิดให้แฟนๆ เข้าไปชมในสนามได้เป็นหลักพันคน แต่ละคนไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ไม่ได้เว้นที่นั่งระหว่างกัน
ส่วนนักกีฬาและทีมงานนอกจากจะไม่ได้สวมหน้ากากกันแล้ว ยังสัมผัสตัวใกล้ชิด ร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่นบาสเกตบอล ไปชมการแข่งขันกีฬา แต่ที่หนักข้อที่สุดคือการจัดปาร์ตี้สุดเหวี่ยงที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งในเซอร์เบียหลังจบการแข่งขันสนามแรกจนมีคลิปเผยแพร่ออกมา
ปรากฏว่าหลังจากนั้น นักหวดและโค้ชหลายคนถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดซึ่งรวมถึงตัวโนเล่เองและภรรยา จนเจ้าตัวต้องออกมาแถลงข่าวขอโทษ
ซ้ำร้ายเมื่อไม่กี่วันก่อน อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักหวดดังชาวเยอรมันซึ่งร่วมแข่งอาเดรียทัวร์แต่ผลตรวจไวรัสเป็นลบ ก็ไปปรากฏตัวในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่งทั้งที่เคยประกาศว่าจะกักตัว 14 วันหลังเหตุการณ์วุ่นๆ ในอาเดรียทัวร์ จนโดนวิจารณ์ไปอีกว่าจะทำให้เรื่องบานปลายหรือไม่
ในรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกันอย่างเทนนิสรายการพิเศษที่รัฐจอร์เจีย ก็พบว่า ฟรานเซส ติอาโฟ นักหวดชาวอเมริกัน ติดโควิดจนต้องถอนตัวจากการแข่งขัน แม้ฝ่ายจัดจะยืนยันว่ามีมาตรการควบคุมและป้องกันอย่างดีเยี่ยมแล้วก็ตาม
ตัวอย่างเหล่านี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ฝ่ายจัดกีฬาประเภทบุคคลที่ต้องเดินทางข้ามเมืองและข้ามประเทศไปแข่งขันต้องวางแผนให้ดี ต้องคิดให้หนัก
ไม่เช่นนั้นการกลับมาแข่งขันกีฬาอีกครั้งอาจกลายเป็นตัวขับเคลื่อนให้ปัญหาโรคระบาดเกิดบานปลายขึ้นมาอีกเสียก็ได้!
