ภาครัฐชม อ้อมน้อย สอบผ่านจัดมวยไทย นิวนอร์มอล วอนร่วมกันนำสู่ปลดล็อกเฟส 2

ภาครัฐชม อ้อมน้อย สอบผ่านจัดมวยไทย นิวนอร์มอล วอนร่วมกันนำสู่ปลดล็อกเฟส 2

หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ปลดล็อกอนุญาตให้มวยไทยกลับมาแข่งขันได้ โดยมีคู่มือในการแข่งขันด้วยการควบคุมจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่แข่งขันให้มีจำนวนไม่เกิน 50 คน และมีการป้องกันอย่างเข้มงวด นักมวยต้องผ่านการตรวจโควิด-19 รวมถึงให้นักมวยหลีกเลี่ยงการเข้าปล้ำวงใน ทั้งการซ้อม และการแข่งขัน

ส่วนผู้ตัดสินห้ามมวยบนเวทีให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวนักมวย และให้ใช้สัญญาณเสียง หรือสัญญาณมือแทน ซึ่งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา วงการมวยไทยเริ่มนับหนึ่งกลับมาแข่งขันครั้งแรกกันไปปแล้วกับศึกจ้าวมวยไทย ที่สนามมวยเวทีมวยสยามอ้อมน้อย ซึ่งได้มีการปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวดทั้งก่อนการชก ระหว่างชก และหลังการชก

ผู้สื่อข่าว “มติชน” สอบถามการกลับมาปลดล็อกจัดมวยไทยไปยังนายวิบูณ จำปาเงิน ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับการเปิดเผยว่า จากการที่ตนและทีมงานไปติดตามรายการแรกของมวยไทยหลัง ศบค.ปลดล็อกให้กลับมาแข่งขันแบบปิดไม่มีผู้ชมเข้าสนามในศึกจ้าวมวยไทย ที่สนามมวยเวทีมวยสยามอ้อมน้อย เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ถือว่าทางสนามมวยอ้อมน้อย สอบผ่านเพราะได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดในคู่มือการจัดการแข่งขันมวยไทยที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำเสนอข้อปฏิบัติให้ ศบค.พิจารณาอนุมัติไปก่อนหน้านี้

แต่ยอมรับว่ายังมีข้อวิตกกังวลในบางเรื่องอยู่เช่นกัน อาทิ เรื่องของพี่เลี้ยงนักมวยที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย และมีการเชียร์ในมุมของตัวเอง มีการตะโกน รวมไปถึงกรรมการผู้ห้ามบนเวทีที่อาจจะไม่สะดวกเพราะได้ใส่ เฟซชิลด์ (Face Shield) อาจจะทำหน้าที่ไม่สะดวก ทางกรมการแพทย์บอกควรจะใส่หน้ากากอนามัย แต่ทางผู้ตัดสินเกรงว่า การใส่หน้ากากอนามัยจะทำให้การออกคำสั่งชก หยุด ห้าม เบรกนั้น นักมวยอาจจะไม่ได้ยิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคาดว่า น่าจะปลอดภัยจากโควิด-19 พอสมควร

Advertisement

นายวิบูณ กล่าวต่อว่า นักมวยทุกคนที่ขึ้นต่อยก็ต้องมีการตรวจโควิด-19 ก่อนเพื่อยืนยันว่าไม่ติดเชื้อ ภาพรวมถือว่า พึงพอใจ เวลานี้ทางคนวงการมวยต้องช่วยกันประคับประคองวงการมวยไทย ต้องช่วยกันป้องกันตัวเองเพราะหากเชื้อโควิด-19 กลับมาระบาดรอบที่ 2 ในเมืองไทย ทุกภาคส่วนจะตกในสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่าทุกวันนี้อีก การห้ามมวยบนเวทีนั้น อาจจะมีบ้างที่เราเห็นจากการถ่ายทอดสดว่า พอนักมวยเข้าคลุกวงใน กรรมการก็จะสั่งเบรกให้แยกไปต่อยกันวงนอก แต่บางคู่ก็ปล่อย จึงอยากให้ให้เคร่งครัดตามข้อกำหนด

เพราะถ้าทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น นักมวย, พี่เลี้ยง, สนามมวย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนร่วมมือกันอย่างดีโอกาสที่มวยไทยจะได้รับการปลดล็อกเข้าสู่เฟสที่ 2 คือ การเปิดโอกาสให้แฟนมวยเข้าสนามไปดูได้แต่มีข้อจำกัดคือ เว้นระยะห่าง 2 เมตร และให้เข้าดูได้ไม่เกิน 1 ใน 3 ของความจุสนามนั้น จะเร็วมากยิ่งขึ้น หน่วยงานภาครัฐเข้าใจดีว่า สนามมวยต้องการรายได้จากแฟนมวย เมื่อเราปลดล็อกเฟส 2 สนามมวยก็จะได้มีรายได้ไปหล่อเลี้ยงสนามมวย แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า เมื่อไหร่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการที่มี นพ.มารุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นประธานอยู่ด้วย รวมไปถึงพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมของเชื้อโควิด-19 ในเมืองไทย

ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย กกท. กล่าวต่อไปว่า นักมวยที่ขึ้นชกในรายการต่างๆ เสร็จสิ้นก็จะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด-19 เพื่อยืนยันอีกรอบด้วย ซึ่งภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทางเจ้าของค่าย และพี่เลี้ยง จะแบกรับไปในช่วงนี้ ทุกคนพร้อมที่จะช่วยกันเพื่อให้วงการมวยไทยกลับสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด ตอนนี้ 6 สนามมวยดังอย่าง ราชดำเนิน, ลุมพินี, เวทีช่อง 7, อ้อมน้อย, รังสิต และธนกร สเตเดี้ยม สามารถจัดการแข่งขันแบบปิดได้ตามปกติ แต่สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยมีข้อแม้ว่า

Advertisement

ขอให้แต่ละสนามมวยที่จะจัดแข่งขันควรแจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยล่วงหน้าในช่วงระยะแรกๆ นี้เท่านั้น เพราะช่วงแรกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนขอให้ทุกสนามมวยเข้าใจเพราะทางภาครัฐจะต้องส่งเจ้าหน้าที่ รวมถึงทีมแพทย์ ไปเฝ้าระวังและสังเกตุการณ์ว่าได้ปฏิบัติตามคู่มือมวยไทยแบบ New Normal หรือไม่ หากพบว่า มีการละเลยไม่ปฏิบัติตามแล้วนายทะเบียนภาครัฐ ซึ่งก็คือตนเองในฐานะ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย มีอำนาจในการสั่งระงับ รวมถึงยึดใบอนุญาตได้ทันที จึงอยากวิงวอนไปยังสนามมวยต่างๆ ให้ช่วยกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับวงการกีฬามวยไทย

“สำหรับเวทีมวยภูธรตามจังหวัดต่างๆ นั้น ผมว่ายังไม่ควรกลับมาจัดแข่งขัน เพราะเป็นการแข่งขันแบบปิด ไม่ได้มีการถ่ายทอดสดอยู่แล้ว ก็คงยังไม่มีใครไปจัดตามภูธร แต่หากมีใครจะจัดมวยภูธรก็ต้องทำเรื่องของอนุญาตไปยังผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยประจำจังหวัดนั้น จึงสามารถจัดได้ นักมวยไทยมีพื้นฐานยากจน ต่อยมวยเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว หาเช้ากินค่ำเป็นส่วนใหญ่จึงอยากให้สังคมเข้าใจที่ภาครัฐต้องให้นักมวยได้มีเวทีต่อย เขาจะได้มีรายได้”

“อย่ามองว่ามวยไทยเป็นตัวแพร่เชื้อโควิด ทุกคนควรได้รับโอกาส อีกเรื่องที่ผมอยากฝากไว้เพราะมันจะทำลายวงการมวยไทยในรอบนี้คือ พวกเซียนพนันที่ไปรวมตัวกันเล่นพนันมวยตู้ผ่านการถ่ายทอดสดเมื่อพวกนักมวยเขาได้กลับมาต่อยแล้วเกิดเหตุการณ์ที่เซียนพนันไปรวมตัวกันเล่นพนันอาจสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการแพร่เชื้อโควิดหรือแม้กระทั่งผิด พรก. ฉุกเฉินอีกด้วย จึงอยากเตือนไปยังพวกชอบเล่นพนันว่า อย่าทำลายวงการมวยไทยที่กำลังกลับมา”

สำหรับโปรแกรมมวยไทยไฟต์ต่อไปที่จะทำการแข่งขันกันนั้น เป็นศึก “ทรู โฟร์ ยู มวยมันส์วันศุกร์ ซูเปอร์ไฟต์” วันที่ 10 กรกฎาคม ที่เวทีมวยนานาชาติรังสิต จ.ปทุมธานี มีตะบันหมัดกัน 9 คู่ ประกอบด้วย ศึกมวยรอบ “ซีพี-เมจิ น็อคเอาท์เงินล้าน” 3 คู่ ได้แก่ ชูธง เกียติฉัตรชัย พบ วังไพร แบงค์ยูโร / เพชรศิลา ว.อุรชา พบ ก้องบูรพา ทิพย์ท่าไม้ / เพชรจงรักษ์ ว.สังข์ประไพ พบ สั่งฟ้า น.อนุวัฒน์ยิมส์

ศึกชิงแชมป์ WBC มวยไทยรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท คู่เอก สมิงเดช น.อนุวัฒน์ยิมส์ พบ เดชศักดา ส.จ.โต้งปราจีน / สายเลือด ไทเกอร์มวยไทย พบ จักรกล ต.สุรัตน์ / หนองคาย เอฟ.เอ.กรุ๊ป พบ ปราบปราม โชติบางแสน / ดอกไม้ป่า ต.สุรัตน์ พบ เจริญฤทธิ์ ราไวย์มวยไทย / ศักดิ์ศรี เกียรติหมู่ 9 พบ เดชไชยา เพชรยินดีอะคาเดมี่ / พุฒิ ลูกร่มเกล้า พบ ไทนี่ ป.ประสิทธิ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image