คารวะ 2 คุณแม่ ผู้สร้างประวัติศาสตร์โอลิมปิก

ภาพจาก olympic-rio-16.com

โอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในขณะนี้ ทัพนักกีฬาไทยมี “ปูชนียบุคคล” หรือนักกีฬามือเก๋าซึ่งเรียกตามประสาคนสนิทกันหน่อยคือ “ป้า” กับ “ลุง” อยู่หลายราย

หนึ่งคือ “แพท” พุทธรักษา นีกรี ฝีพายรุ่นใหญ่วัย 42 ปี ร่วมแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ในชีวิต และออกตัวไว้ล่วงหน้าว่ายังไม่คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของตัวเองด้วย

และอีกสองคือ “แป๋ว” นันทนา คำวงศ์ กับ “แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ พี่ใหญ่ของทีมเทเบิลเทนนิสและแบดมินตัน ซึ่งเข้าร่วมแข่งขัน “รีโอเกมส์” ครั้งนี้เป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 5 ในชีวิตของทั้งคู่ เช่นเดียวกับ ไมเคิล เฟลป์ส ฉลามหนุ่มชาวอเมริกัน เจ้าของสถิติเหรียญทองสูงสุดในประวัติศาสตร์ 19 เหรียญ

กระนั้น สถิติอันน่าทึ่งของทุกคนข้างต้นก็ยังดูเล็กน้อยไปเมื่อเทียบกับนักกีฬา 2 รายซึ่งผสมผสานทั้งอายุและการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกได้อย่างลงตัว

Advertisement

ตัวอย่างแรกคือ นิโน่ ซาลุกวาดเซ่ นักกีฬายิงปืนหญิงวัย 47 ปีของทีมชาติ จอร์เจีย ซึ่งร่วมโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกในฐานะสมาชิกทีม สหภาพโซเวียต ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 1988 ขณะอายุได้ 19 ปี โดยคว้ามาได้ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน จากประเภทปืนสั้นสตรีและปืนสั้นอัดลมตามลำดับ

โอลิมปิกหนต่อมาที่นคร บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ในปี 1992 เป็นช่วงที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย นักกีฬาจากชาติที่กระจัดกระจายจึงเข้าร่วมในนาม “ยูนิฟายด์ทีม” ก่อนที่ซาลุกวาดเซ่จะร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์อีก 6 ครั้งถัดมาให้กับบ้านเกิดจอร์เจีย ถึงตอนนี้เท่ากับว่าเธอร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์มาถึง 8 สมัยติดต่อกัน ในระยะเวลา 28 ปี

ซาลุกวาดเซ่มาได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์อีกครั้งใน “ปักกิ่งเกมส์” ที่จีน เมื่อปี 2008 ในประเภทปืนสั้นสตรี โดยครั้งนั้นเหรียญทองแดงของซาลุกวาดเซ่กลายเป็นประเด็นฮือฮาไปทั่วโลก เนื่องจากคู่แข่งที่ได้เหรียญเงินในอีเวนต์นั้นคือ นาตาเลีย ปาเดริน่า จากรัสเซีย

Advertisement

ตอนทั้งคู่ขึ้นรับเหรียญรางวัล ซาลุกวาดเซ่กับปาเดริน่าหันไปจูบแก้มและแชร์โพเดียมเพื่อถ่ายรูปร่วมกัน เพื่อส่งสารผ่านกีฬาไปถึงผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ (จอร์เจียกับรัสเซีย) ซึ่งกำลังทำสงครามกันอยู่

นอกเหนือจากผลงานในโอลิมปิกเกมส์แล้ว นักแม่นปืนหญิงรุ่นใหญ่รายนี้ยังเป็นเจ้าของแชมป์โลก 6 สมัย, แชมป์ยุโรป 4 สมัย และผลงานระดับรองแชมป์และอันดับ 3 อีกมากมาย

มาปีนี้ ซาลุกวาดเซ่ก็ได้จารึกชื่อในประวัติศาสตร์อีกครั้ง เนื่องจากในรีโอเกมส์ที่บราซิล ลูกชายวัย 18 ปีของเธอ คือ ทีซ็อตเน่ มาคาวาเรียนี่ ติดทีมชาติจอร์เจียมาด้วย กลายเป็นคู่แม่ลูกคู่แรกในประวัติศาสตร์ที่ได้แข่งขันเคียงบ่าเคียงไหล่ในโอลิมปิกเกมส์หนเดียวกัน

อีกหนึ่งนักกีฬาที่ร่วมโอลิมปิกเกมส์หนนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าซาลุกวาดเซ่ คือ อ๊อกซานา ชูโซวิติน่า นักยิมนาสติกทีมชาติ อุซเบกิสถาน ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักยิมหญิงที่อายุมากที่สุดในโอลิมปิกเกมส์ เพราะเข้าแข่งขันขณะอายุได้ 41 ปี และเป็นโอลิมปิกหนที่ 7 ของเจ้าตัวแล้ว!

อ๊อกซาน่า ชูโซวิติน่า (แฟ้มภาพ AFP)
อ๊อกซาน่า ชูโซวิติน่า (แฟ้มภาพ AFP)

สำหรับแฟนๆ กีฬายิมนาสติก คงคุ้นหูคุ้นหน้าของเธอคนนี้เป็นอย่างดี เพราะขณะที่อายุเฉลี่ยของนักกีฬายิมนาสติกส่วนใหญ่ในโอลิมปิกเกมส์มักจะไม่ถึง 20 ปี แต่เจ๊ใหญ่คนนี้ยืนหยัดแข่งขันมายาวนานถึง 24 ปีเข้าไปแล้ว!

ชูโซวิติน่าร่วมแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกในฐานะสมาชิกของยูนิฟายด์ทีมใน “บาร์เซโลนาเกมส์” ขณะอายุได้ 17 ปี และร่วมคว้าเหรียญทองประเภททีมหญิงมาครอง หลังจากนั้นก็เข้าร่วมแข่งขันในนามทีมชาติอุซเบกิสถาน บ้านเกิด โดยมีอุปกรณ์ถนัดคือ ม้ากระโดด

กระทั่งชีวิตผกผันเมื่อปี 2002 เมื่ออลิเชอร์ลูกชายสุดที่รักล้มป่วยด้วยโรคลูคีเมีย ชูโซวิติน่าจึงพาลูกชายไปรักษาตัวที่ประเทศเยอรมนี และเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ให้กับทีมชาติเยอรมนี 3 ครั้ง ระหว่างปี 2008-2012 และคว้าเหรียญเงินประเภทม้ากระโดดมาครองได้ในปักกิ่งเกมส์

หลังจากลูกชายรักษาตัวจนหายดีแล้ว ครอบครัวชูโซวิติน่าจึงย้ายกลับไปอยู่อุซเบกิสถาน และเธอก็ตัดสินใจที่จะร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์อีกครั้ง ด้วยความใฝ่ฝันสูงสุดคือการคว้าเหรียญรางวัลให้กับบ้านเกิด หลังจากเหรียญเงินก่อนหน้านี้เป็นการคว้าให้บ้านหลังที่ 2 อย่างเยอรมนี ด้วยสถานการณ์บังคับ

การเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่กินเวลายาวนานถึง 24 ปี ของชูโซวิติน่า ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าทึ่ง เพราะขณะที่นักกีฬาอายุเยอะ หรือร่วมแข่งขันมากครั้งคนอื่นๆ เป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้แรงมากนัก (ส่วนใหญ่มักเป็นนักกีฬาขี่ม้า โดยเอียน มิลเลอร์ นักขี่ม้าทีมชาติแคนาดา เป็นเจ้าของสถิติร่วมแข่งมากครั้งที่สุด 10 สมัย) แต่กีฬายิมนาสติกที่ชูโซวิติน่าเลือกเล่นนั้นต้องอาศัยทั้งพลังกาย ทักษะ และเทคนิคมากมาย จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เธอมักจะโดดเด่นกว่าใครในหมู่ “เพื่อน” นักกีฬารุ่น “หลาน”

และไม่ว่าโอลิมปิกเกมส์หนนี้จะลงเอยโดยชูโซวิติน่าได้รับเหรียญรางวัลมาครองหรือไม่ ความมุ่งมั่นตั้งใจอันน่าทึ่งของเธอก็เป็นแรงบันดาลใจชั้นดีที่ยืนยันว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” จริงๆ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image