‘ส.บอล’ ตัดสินไทยลีก3 ให้4ทีมเพลย์ออฟ ใครไม่มาตัดสิทธิ์

‘ส.บอล’ ตัดสินไทยลีก3 ให้4ทีมเพลย์ออฟ ใครไม่มาตัดสิทธิ์

“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมสภากรรมการครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2564 โดยมีประเด็นสำคัญคือความขัดแย้งในการแข่งขันไทยลีก 3 โซนภาคเหนือและโซนกรุงเทพและปริมณฑล เนื่องจากว่าทางแม้โจ้ ยูไนเต็ด และ นนทบุรี ส.บุญมีฤทธิ์ ได้เรียกร้องให้ทบทวนการตัดสินทีมที่จะเข้าไปเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อหาทีมเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก2

โซนภาคเหนือ สโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด มีคะแนนรวมสะสม เป็นอันดับ 2 มากกว่า สโมสรพิษณุโลก เอฟซี 1 คะแนน แต่ปรากฏว่า สโมสรพิษณุโลกฯ มีนัดการแข่งขัน น้อยกว่าสโมสรแม่โจ้ฯ 1 นัด ซึ่ง ในนัดที่ไม่ได้ทำการแข่งขันนั้น เกิดจาก ฝ่ายจัดการแข่งขัน สั่งให้เลื่อนการแข่งขันออกไปก่อนเนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดตามประกาศคณะคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ อันไม่ใช่เป็นความผิดของสโมสรพิษณุโลกฯ ดังนั้นการที่จะใช้ระเบียบข้อบังคับ กำหนดให้ สโมสรแม่โจ้ฯ ได้สิทธิ์ เป็นอันดับ 2 ของโซน ไปทำการแข่งขัน ก็จะทำให้ เกิดความไม่เป็นธรรม กับสโมสรพิษณุโลกฯ ขึ้นได้ จึงถือเป็นเหตุสุดวิสัย ที่จะไม่บังคับ ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าวแต่ถ้าจะบังคับใช้ก็จะเกิดความไม่เป็นธรรมดังกล่าวแล้ว

โซนกรุงเทพฯและปริมณฑล สโมสรบางกอก เอฟซี กับสโมสร นนทบุรี ยูไนเต็ด ส.บุญมีฤทธิ์ มีคะแนนสะสม ทีมละ 44 คะแนนเท่ากัน ดังนั้น จำต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์อื่นประกอบ ซึ่งถ้าพิจารณา ตามระเบียบข้อ 13.2 ซึ่งมีบทบัญญัติ เป็นหลักเกณฑ์ ที่ใช้ในการพิจารณา เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขัน ให้พิจารณาจากผลการแข่งขันแบบ H2H สโมสรบางกอก เอฟซี ก็จะได้สิทธิ์ เป็นทีมอันดับ 2 แต่ถ้าพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ข้อ 13.3 ซึ่งเป็นบทบัญญัติ หลักเกณฑ์การจัดอันดับ ในระหว่างการแข่งขัน โดยนำ ผลประตูได้ประตูเสียมาพิจารณา สโมสร นนทบุรี ยูไนเต็ด จะได้สิทธิ์ไปทำการแข่งขัน เป็นทีมอันดับ 2 ซึ่งตามระเบียบทั้ง 2 ข้อดังกล่าว ขาดความชัดเจน ของบทบัญญัติ กล่าวคือ ในระเบียบข้อ 13.3 ไม่มีบทบัญญัติ ที่กล่าวว่า สิ้นสุดฤดูกาลระหว่างการแข่งขัน แต่เมื่อดูเจตนารมณ์ ของบทบัญญัติ ซึ่งทั้งสองสโมสรได้นำระเบียบในข้อนี้มาโต้แย้ง​เพื่อรักษาประโยชน์ของตนเองแล้วในช่วงของการพิจารณา น่าที่จะหมายความรวมถึงการสิ้นสุดฤดูกาลในระหว่างการแข่งขันด้วย เพราะถ้าหาก ให้สิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันได้เฉพาะ ในระเบียบข้อ 13.2 เท่านั้น โอกาสที่จะ นำผลการแข่งขัน แบบ H2H มาใช้ในการพิจารณา ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น บทบัญญัติของระเบียบข้อบังคับทั้งสองข้อดังกล่าว กับเจตนารมณ์จึงขาดความชัดเจนและย้อนแย้งกันในตัว ดังนั้นการที่จะตีความ บทบัญญัติในระเบียบทั้ง 2 ข้อ ที่ขาดความชัดเจน​ (ตีความตามลายลักษณ์อักษรตาม ข้อ 13.2 หรือ ตีความตามเจตนารมณ์ตามข้อ 13.3) ไปทางใดทางหนึ่ง อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ สโมสรใดสโมสรหนึ่งขึ้นได้ จึงเป็นกรณีที่ ระเบียบข้อบังคับ ขาดความชัดเจน ไม่ครอบคลุมถึงด้วยเป็นเพราะเหตุการณ์ทำนองนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หลังจากการประชุมนั้น พล.ต.ท อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้แถลงว่า ทางสภากรรมการฯ ได้ใช้อำนาจตามข้อ ข้อที่ 3.7, 3.8 และ 3.9 รวมถึงข้อที่ 82 ที่เมื่อเกิดกรณีที่ข้อบังคับมิได้กำหนดไว้ก็ดี หรือ กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยก็ดี ให้สภากรรมการเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด

Advertisement

โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้จัดการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษขึ้น 2 คู่ คือ แม่โจ้ ยูไนเต็ด แข่งขันกับ พิษณุโลก เอฟซี และ บางกอก เอฟซี แข่งขันกับ นนทบุรี ยูไนเต็ด ส.บุญมีฤทธิ์ เพื่อหาผู้ชนะ ให้ได้สิทธิ์ ไปทำการแข่งขันฟุตบอลรอบ ออมสิน ลีก เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2563 ในฐานะทีมอันดับ 2

โดยให้นำระเบียบว่าด้วยการจัดการแข่งขันมาใช้โดยอนุโลม แต่ถ้าทั้ง 4 ทีมไม่มาร่วมทำการแข่งขัน ให้ปรับทั้ง 4 ทีมเป็นแพ้และตัดสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนโซน โดยให้เลื่อนสโมสรที่มีคะแนนอันดับถัดไปขึ้นมาแทน

พล.ต.ท.อำนวย กล่าวต่่อว่า ที่ต้องระบุว่าถ้าหากไม่มาแข่งตัดสิทธินั้น เพราะถ้าเกิดทั้ง 4 ทีมเบี้ยวไม่ยอมมาแข่งขัน ก็จะไม่เกิดผลทางการปฏิบัติขึ้นมา จะไม่ได้ตัวแทนโซนเข้าไปแข่งขัน แต่ถ้ามาทีมหนึ่ง คู่แข่งไม่มา ก็โดนปรับแพ้ตามกฎอยู่แล้ว เราต้องหาให้ได้ครบ 12 ทีมก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันในรอบ ออมสิน ลีก เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ วันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ และได้่มีการคุยกับฝ่ายจัดการแข่งขันว่าต้องรีบจัดการวางโปรแกรมการแข่งขันให้เรียบร้อย อย่างช้าคือวันที่5 จะต้องได้ 2 ทีมสุดท้ายที่เข้าร่วมแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่จะทำการแข่งขันกันได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image