สกู๊ปหน้า 1 ‘เดชาพล-ทรัพย์สิรี’ 3แชมป์มหัศจรรย์ ต่อยอดสู่โอลิมปิกเกมส์

สกู๊ปหน้า 1 ‘เดชาพล-ทรัพย์สิรี’ 3แชมป์มหัศจรรย์ ต่อยอดสู่โอลิมปิกเกมส์

นับเป็นความสำเร็จอย่างมากกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแบดมินตัน 3 รายการใหญ่ของประเทศไทย ที่กินระยะเวลาเกือบ 1 เดือนเต็มที่ผ่านมา ซึ่งนอกเหนือไปจากภาพรวมของการจัดการแข่งขัน ที่ทำออกมาอย่างยอดเยี่ยมในช่วงเวลาที่ต้องระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก เรื่องผลงานของนักกีฬาไทยเองก็ถือว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

ซึ่งนาทีนี้คงต้องบอกว่าในวงการขนไก่เมืองไทย ไม่มีใครฟอร์มร้อนแรงไปกว่าแบดมินตันคู่ผสมระหว่าง “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่อันดับ 3 ของโลก ที่โชว์ฟอร์มกระหึ่ม กวาดแชมป์รวดทั้ง 3 รายการ ตั้งแต่ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020, โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020 และปิดท้ายด้วย เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนัลส์ 2020

นับว่าเป็นเพียงคน (คู่) ที่ 2 ของไทยเท่านั้นที่สามารถคว้าแชมป์ 3 รายการติดต่อกันใน 3 สัปดาห์แบบนี้ได้ ต่อจาก “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ ที่เคยทำได้เมื่อปี 2016 ด้วยการคว้าแชมป์ ซุปเปอร์ซีรีส์ “โอยูอี สิงคโปร์ โอเพ่น”, ซุปเปอร์ซีรีส์ “โยเน็กซ์ ซันไรส์ อินเดีย โอเพ่น” และซุปเปอร์ซีรีส์ พรีเมียร์ “เซลคอม เอเชียต้า มาเลเซีย โอเพ่น”

Advertisement

ขณะเดียวกันการคว้าแชมป์ทั้ง 3 รายการ ทำให้ทั้งคู่รับเงินรางวัลรวมกันไปมากกว่า 8 ล้านบาท แบ่งเป็น โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น รับเงินรางวัลชนะเลิศ 74,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,220,000 บาท), โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น แชมป์รับเงินรางวัล 74,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 2,220,000 บาท และ “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนัลส์ 2020” แชมป์รับเงินรางวัล 126,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,780,000 บาท รวม 274,000 เหรียญสหรัฐ ประมาณ 8,220,000 บาท ตกคนละประมาณ 4,110,000 บาท

ทั้ง 2 คนบอกว่าการแข่งขัน 3 รายการที่ผ่านมานั้น ถือได้ว่าเป็นการเรียกความมั่นใจอย่างดีให้กับคู่ของตัวเอง และพิสูจน์ว่าในสิ่งที่ซ้อมตลอดมา 9 เดือนนั้น มันสามารถใช้ได้ผล

แม้ว่าหลายคนอาจจะค่อนขอดว่าทั้ง 3 รายการที่ผ่านมานั้น ทั้งสองคนไม่ได้เจอกับคู่ปรับสำคัญอย่าง เจิ้ง ซีเว่ย-หวง ย่าเฉียง และ หวัง อี้หลิว-หวง ตงปิง รวมถึงนักกีฬาจากเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์อย่างญี่ปุ่น แต่ก็เรียกได้ว่าการที่เราได้ลงแข่งก่อน ได้เสริมความมั่นใจก่อน ก็เหมือนได้วิ่งออกจากจุดสตาร์ทก่อน อย่างน้อยนำไปแล้ว 1 ก้าว

สำหรับทรัพย์สิรีนั้น เริ่มต้นจากการเล่นหญิงเดี่ยวมาก่อน และเคยไปโอลิมปิกเกมส์ในประเภทหญิงคู่กับ “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล ถือว่าเป็นนักกีฬาหญิงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จทั้ง 3 ประเภทคือหญิงเดี่ยว, หญิงคู่ และคู่ผสม

ส่วนเดชาพล แจ้งเกิดอย่างมากกับการคว้าแชมป์เยาวชนโลกในประเภทชายคู่ จับคู่กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนักในประเภทชายคู่ ก่อนจะมาจับคู่กับทรัพย์สิรี และประสบความสำเร็จสูงสุดในตอนนี้

ต้องบอกว่าทั้งสองคนนั้นผ่านอุปสรรคอะไรกันมามากมาย นับตั้งแต่เริ่มจับคู่กันเมื่อปี 2015 ทั้งการชวดตั๋วไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิลแบบฉิวเฉียด ก่อนที่ทรัพย์สิรีเองจะได้รับบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าเข่า ต้องพักยาวไปเป็นปี

อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับมาลงเล่นได้ในปี 2018 ทั้งสองคนก็ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเอง จนก้าวขึ้นไปติดท็อป 10 ของโลกได้อีกครั้ง แถมยังสามารถเข้ารอบรองชนะเลิศในศึกใหญ่อย่างเวิลด์ทัวร์ไฟนัลส์ในปีดังกล่าวได้อีกด้วย

จนถึงปี 2019 คือปีที่ทั้งคู่ท็อปฟอร์มมากที่สุด ทั้งสองคนช่วยกันคว้าแชมป์ได้ถึง 3 รายการ คือ สิงคโปร์ โอเพ่น 2019, โคเรีย โอเพ่น 2019 และ มาเก๊า โอเพ่น 2019 และยังเข้าชิงอีก 3 รายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรายการสำคัญอย่างชิงแชมป์โลก 2019 และเข้าตัดเชือกเวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ อีกสมัย

ต่อเนื่องมาจนปี 2020 ที่ทั้งคู่คว้ารองแชมป์ออลอิงแลนด์ ที่เป็นรายการสุดท้ายก่อนจะยกเลิกการแข่งขันไปทั่วโลก เพราะการระบาดของโควิด-19 ซึ่งน่าเสียดายว่าทั้งคู่กำลังท็อปฟอร์มอย่างมาก พวกเขามีโอกาสสูงมากๆ ที่จะคว้าโควต้าไป โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และด้วยฟอร์มการเล่นในตอนนี้ แทบจะมีลุ้นคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งให้ทัพนักกีฬาไทยด้วยซ้ำ

นับตั้งแต่จับคู่กันมาก 5 ปีเศษ พวกเขาคว้าแชมป์รวมกันมาแล้วถึง 8 รายการ และยังเข้าชิงได้อีก 10 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2 ปีหลังที่ผลงานยอดเยี่ยมจริงๆ จนก้าวขึ้นไปอยู่มือ 2 ของโลกได้แล้วในตอนนี้

หลังจากจบทั้ง 3 รายการในประเทศไทย ทั้งสองคนยังต้องเดินหน้าลุยต่อกับการทำอันดับเพื่อควอลิฟายไปโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่คาดหวังกันว่าจะได้กลับมาแข่งขันกันในช่วงกลางปีนี้ หลังจากต้องเลื่อนออกมา 1 ปีเต็ม

ด้วยอันดับคะแนนตอนนี้ ทั้งบาสและปอป้อ เป็นรองเพียงแค่คู่จีน เจิ้ง ซีเว่ย-หวง ย่าเฉียง เท่านั้น เรียกได้ว่าโอกาสที่ทั้งสองคนจะเป็น 16 คู่สุดท้าย ได้ไปโอลิมปิกเกมส์ มีค่อนข้างสูงมากๆ

นอกเหนือจากคู่ผสมของไทยแล้ว ตอนนี้ที่คาดการณ์ว่ามีโอกาสจะคว้าโควต้าไปโอลิมปิกเกมส์ค่อนข้างแน่นอน ก็จะมีชายเดี่ยว “กัน” กันตภณ หวังเจริญ, หญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์ และหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ

โดยยังคงมีการแข่งขันอีก 6 รายการรออยู่ข้างหน้านี้ ซึ่งเก็บคะแนน 5 รายการ ได้แก่ โยเน็กซ์ สวิส โอเพ่น วันที่ 2-7 มีนาคมนี้ ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, โยเน็กซ์ เยอรมัน โอเพ่น วันที่ 9-14 มีนาคม ที่ประเทศเยอรมนี, มาเลเซีย โอเพ่น วันที่ 31 มีนาคม-4 เมษายน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย, สิงคโปร์ โอเพ่น วันที่ 13-18 เมษายน ที่ประเทศสิงคโปร์

รายการชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งยังไม่ได้กำหนดวันและสถานที่ และส่งท้าย อินเดีย โอเพ่น วันที่ 11-16 พฤษภาคม ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ยกเว้นรายการเดียวที่ไม่มีคะแนนสะสมโอลิมปิกเกมส์ (เนื่องจากเก็บไปเมื่อปีก่อนแล้ว) คือออลอิงแลนด์ แต่ก็มีผลต่อความมั่นใจได้พอสมควร

เรื่องของการควอลิฟายนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ที่น่าสนใจมากกว่าว่าเมื่อไปถึงทัวร์นาเมนต์จริงๆ แล้ว ทั้งสองคนจะสามารถรับมือกับความกดดันที่ถาโถมเข้ามาได้หรือไม่ เพราะเมื่อถึงจุดนี้ เชื่อว่าไม่มีใครนั้นไม่หวังในตัวพวกเขาทั้งสองคนอย่างแน่นอน

อย่างทรัพย์สิรี เคยไปโอลิมปิกเกมส์มาแล้วในฐานะประเภทหญิงคู่ เมื่อ 4 ปีก่อน แต่ว่าในประเภทคู่ผสมนั้นคือครั้งแรก และเป็นครั้งแรกของ เดชาพล ที่ได้โควต้าไปเล่นโอลิมปิกเกมส์

อีกทั้งคู่แข่งทุกคนก็แข็งแกร่งทั้งสิ้น นอกจาก 2 คู่จีนที่กล่าวมาข้างต้น (ซึ่งบาส-ปอป้อเอาชนะแบบนับครั้งได้) ก็ยังมีคู่ชิง 2 จาก 3 รายการที่พวกเขาลงเล่นอย่าง โซ ซึงแจ และ แช ยูจุง จากเกาหลีใต้, ยูตะ วาตานาเบ้ กับ อาริสะ ฮิกาชิโนะ คู่เจ้าภาพญี่ปุ่น และปราวีน จอร์แดน กับเมลาติ เดวา อ๊อกตาเวียนติ

ดังนั้นต้องมาลุ้นกันต่อกับนักกีฬาไทย แต่อย่างน้อยเปิดตัวปีโอลิมปิกเกมส์ได้ดีแบบนี้ ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image