ทัพนักกีฬาเทควันโด ซึ่งคว้ามา 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง จากการแข่งขันกีฬา “โอลิมปิกเกมส์ 2016” ที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ได้เดินทางจากประเทศอังกฤษมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 911 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 สิงหาคม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำโดย “เทม” เทวินทร์ หาญปราบ เหรียญเงินรุ่น 57 กก.ชาย, “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองแดงรุ่น 49 กก. หญิง และ “นก” พรรณนภา หาญสุจินต์ รุ่น 57 กก.หญิง พร้อมด้วย “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, ดร.สมคิด ปิ่นทอง เลขาธิการสมาคมฯ ในฐานะผู้จัดการทีม, “โค้ชเช” เช ยอง ซ็อก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้
โดยบรรยากาศการต้อนรับเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีคณะผู้บริหารจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน (ทอท.), ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), กลุ่มบริษัท โคคา โคล่า ประเทศไทย, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยผู้สนับสนุนของสมาคมฯ ตลอดจนครอบครัวของนักกีฬาและชมรมเทควันโดจาก จ.ปทุมธานี ที่จัดขบวนกลองยาวชุดใหญ่ รวมทั้งพี่น้องชาวสุราษฎร์ธานี มาร่วมต้อนรับ
นายพิมล กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่กีฬาเทควันโดสามารถคว้าได้มากกว่า 1 เหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ และเป็นครั้งแรกที่นักกีฬาชายสามารถมีเหรียญรางวัลกลับมา ก็นับว่าเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง และภูมิใจกับนักกีฬาทุกๆ คนที่ไปเข้าแข่งขัน ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และสู้อย่างสุดความสามารถ
ก่อนไปก็รู้สึกกดดัน เพราะแต่ละสายแข่งขันค่อนข้างแข็งแกร่ง รวมไปถึงนักกีฬายังอายุน้อยอยู่ เป็นห่วงเรื่องประสบการณ์ที่อาจจะน้อยกว่า แต่สุดท้ายก็สามารถคว้าเหรียญกลับมาได้ ขณะที่เรื่องการตัดสินยอมรับว่าทำได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ การแข่งขันครั้งนี้ทุกอย่างชัดเจนและโปร่งใส ผู้ฝึกสอนก็สามารถขอดูภาพช้าได้” บิ๊กเอกล่าว
ประมุขจอมเตะกล่าวปิดท้ายว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า นักกีฬาที่ไปในครั้งนี้ก็มีโอกาสที่จะไปได้อีกครั้งทุกคน และจากการที่ไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมมีประสบการณ์ และสามารถทำผลงานได้ดีกว่าเดิมแน่นอน
ขณะที่โค้ชเชกล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถคว้าเหรียญทองกลับมาได้ แต่ทุกคนก็ทุ่มเทตั้งใจเต็มที่ คิดเสียว่าไปครั้งนี้ทำให้มีประสบการณ์ที่มากขึ้น ในอนาคต 3-4 ปีข้างหน้าอาจจะมีนักกีฬาขึ้นมาอีก คงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปคว้าเหรียญทองกลับมา
เรื่องสัญชาติ ตอนนี้ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าอยากได้สัญชาติไทย แต่ไม่อยากเสียสัญชาติเกาหลีใต้ไป ทำให้ต้องคิดอย่างหนัก แต่ก็อยากได้ทั้ง 2 สัญชาติเอาไว้ และถ้าได้สัญชาติไทยก็จะทำให้สามารถซื้อบ้านอยู่ที่เมืองไทยได้ อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง
ด้านเทวินทร์ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จครั้งนี้คือไม่กดดัน เพราะไม่ได้เป็นตัวเต็งแต่แรก เลยคิดแค่ทำให้ดีที่สุด แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เหรียญเช่นกัน ดังนั้นมันเหมือนไกลเกินฝันแล้ว ส่วนอนาคตต่อไปก็จะเล่นในสไตล์ของตัวเองแบบนี้ พยายามไม่กดดันเช่นเดิม
น้องเทนนิส กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่พลาดเหรียญทองไป เพราะคิดว่าถ้าหากเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้น่าจะสามารถคว้าเหรียญทองได้ การเสียแต้มใน 4 วินาทีสุดท้ายครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญว่า ทุกวินาทีมีค่า ต้องเล่นให้จบการแข่งขันก่อน อย่างไรก็ตามคิดว่าตัวเองทำได้เต็มที่แล้ว
ส่วนพรรณนภา ซึ่งพลาดในรอบแก้ตัวเพื่อจะเข้าไปชิงเหรียญทองแดง กล่าวว่า ตอนแข่งขันรู้สึกตื่นเต้นตลอด แต่ก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากนี้จะตั้งใจซ้อม พัฒนาตัวเองให้ดียิ่งกว่านี้
