ก.กีฬา-กกท.-ส.บอลไทย ผนึกจัดศึกยูธลีก ปรับโครงสร้างรุ่น-ต่อยอดสู่แข้งอาชีพ
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในการจัดกานแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ (ไทย ยูธ ลีก 2021) โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ รวมทั้งบุคลากรฟุตบอล ร่วมเป็นสักขีพยาน ที่ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ กกท.หัวหมาก เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมมือกับ กกท. และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ (ไทย ยูธ ลีก 2021) ภายใต้โครงสร้างใหม่ให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ การพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมกับเป็นเวทีพัฒนาศักยภาพนักฟุตบอลตั้งแต่รุ่นเยาวชนจนถึงระดับเตรียมก้าวสู่นักฟุตบอลอาชีพ รวมถึงเพื่อความเป็นเลิศในระดับนานาชาติต่อไป โดยจัดการแข่งขันตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี, 12 ปี, 14 ปี, 16 ปี, 18 ปี และ 21 ปี ช่วงเดือนเมษายน-สิงหาคม ซึ่งตั้งเป้าสร้างต้นแบบการทำงานร่วมกันที่เป็นระบบการพัฒนาฟุตบอลของประเทศที่เป็นหนึ่งเดียว
นายนภินทร กล่าวว่า ฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว เพื่อส่งเสริมนักฟุตบอลเยาวชนโดยตรงด้วยการมุ่งเน้นให้มีประสบการณ์ในการแข่งขันที่มีมาตรฐาน และพัฒนาไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งรายการนี้เป็นการสร้างพื้นที่ และเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดงความสามารถ ต่อยอดไปสู่ระดับทีมชาติตามโครงการสานฝันฟุตบอลไทยไปบอลโลก โดยทางรัฐบาลพร้อมสนุบสนุนเต็มที่ และหวังว่าการแข่งขันครั้งนี้จะประบความสำเร็จตามเป้าหมาย
ขณะที่ ดร.ก้องศักด กล่าวว่า กกท.ร่วมมือกับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในการพัฒนาทุกองค์ประกอบของฟุตบอลไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมเยาวชนในการจัดการแข่งขันไทย ยูธ ลีก ซึ่งเป็นเวทีให้นักเตะเยาวชนได้แสดงความสามารถ รวมทั้งอีกยังช่วยผลักดันให้สโมสรฟุตบอลอาชีพ รวมถึงสมาคมกีฬาจังหวัดต่างๆ ตื่นตัวในการพัฒนาเยาวชนมากขึ้น สำหรับการแข่งขันจะใช้ระเบียบข้อบังคับตามสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เพื่อให้เป็นมาตรฐานสากล และสอดคล้องกับการพัฒนาทีมชาติไทย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า วัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติตามแผนแม่บทระยะยาว 20 ปีของสมาคม โดยการแข่งขันภายใต้โครงสร้างใหม่นี้ได้เพิ่มรุ่นอายุให้ฟุตบอลไทยได้ขับเคลื่อนได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประชากรเข้าสู่วงการกีฬาฟุตบอล และลดปัญหาการขาดหายไปของนักฟุตบอลในช่วงอายุที่ออกจากรั้วโรงเรียนเข้าสู่การเป็นนักเตะอาชีพ ทั้งนี้ได้จัดวางปฏิทินการแข่งขันอย่างเหมาะสม ไม่ทับซ้อนโปรแกรมทีมชาติ กำหนดแมตช์ที่เพียงพอเหมาะสมต่อนักเตะในแต่ละช่วงอายุในแต่ละปี
นายกลูกหนังไทยกล่าวอีกว่า นอกจากเป็นการพัฒนาเยาวชนแล้ว ยังเป็นเวทีรองรับ พัฒนา และสร้างโอกาสการทำงานของบุคลากรฟุตบอลอีกหลายด้านไปพร้อมกัน เช่น ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน ผู้ควบคุมการแข่งขัน และเจ้าหน้าที่สโมสร ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนกีฬาฟุตบอลอาชีพอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยได้เริ่มต้นด้วยการวางระบบรากฐานที่มั่นคงแล้ว จึงมั่นใจว่าความสำเร็จต่างๆ ทั้งระดับภูมิภาค ระดับทวีป และระดับโลก จะกลับมาสร้างความสุขให้กับแฟนบอลชาวไทยได้ในอนาคตข้างหน้า
