‘ซิโก้’เตรียมเรียกแข้งเสริมนัดชนญี่ปุ่น-‘เฮง’รับงานยาก

"ซิโก้" นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

“ช้างศึก” ทีมชาติไทย มีโปรแกรมทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี นัดที่ 2 วันที่ 6 กันยายนนี้ เปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน ต้อนรับการมาเยือนของ “ซามูไรบลูส์” ญี่ปุ่น เวลา 19.15 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 ซึ่ง ทีมชาติไทย มีกำหนดเดินทางกลับจากประเทศซาอุดิอาระเบีย คู่แข่งในเกมแรกวันที่ 2 กันยายน และถึงประเทศไทยวันที่ 3 กันยายน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง

“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย เปิดเผยว่านักเตะไทยอาจมีอาการล้าจากการเดินทาง อย่างไรก็ตามไม่น่าใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะการกลับประเทศไทยไม่ต้องเสียเวลาในการปรับตัวมากนัก

“เท่าที่ทราบ ญี่ปุ่น แข่งกับ ยูเออี เสร็จก็จะเดินทางมาประเทศไทยทันที ซึ่งระยะทางจากญี่ปุ่นมาประเทศไทยถือว่าใกล้กว่าที่เราเดินทางกลับมาจาก ซาอุดิอาระเบีย อีกทั้ง ญี่ปุ่น ยังเดินทางมาถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน แต่เราจะเดินทางถึงในช่วงบ่ายวันที่ 3 กันยายน ทว่าส่วนตัวมองว่าใครจะเดินทางไกลหรือใกล้กว่ากันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อีกอย่างเราเองก็มีความคุ้ยเคยในบ้านมากกว่า และตอนนี้ที่ญี่ปุ่นก็ฝนตก น้ำท่วม อากาศหนาว ก็คิดว่าการที่เขาจะมาปรับที่บ้านเราคงไม่ง่ายเท่าไหร่

“ซิโก้” กล่าวต่อว่าแม้ที่ผ่านมานักเตะไทยไม่ได้ซ้อมที่สนามราชมังคลากีฬาสถานเลยนับตั้งแต่เรียกตัวมาฝึกซ้อม แต่ทุกคนก็เคยผ่านการเล่นที่สนามราชมังคลาฯ มาแล้ว ฉะนั้นจึงไม่รู้สึกกังวลใดๆ เกี่ยวกับสภาพสนาม

Advertisement

ด้าน “เฮงซัง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งเคยไปทำงานวงการลูกหนังที่ญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน กล่าวว่าตนมีข้อมูลของญี่ปุ่นมากพอสมควร ซึ่งยอมรับว่าเป็นงานที่ยากมากของ ทีมชาติไทย เพราะญี่ปุ่นชุดนี้ ครบเครื่อง และแกร่งกว่า ซาอุดีอาระเบีย ที่ไทยเจอมาในนัดแรกแน่นอน

“ญี่ปุ่น เป็นทีมที่เล่นได้หลากหลาย ทั้งการคุมจังหวะ รูปแบบของเกม รวมทั้งการฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่ต่อสู้ ที่ทำได้เฉียบคมมาก นอกจากนั้นตัวหลักๆ อย่างเคสึเกะ ฮอนดะ, ชินจิ คากาวะ, ชินจิ โอกาซากิ ที่พิสูจน์ฝีเท้าในยุโรปมาแล้ว ล้วนแล้วแต่อันตราย อย่างไรก็ตาม ทีมชาติไทย ต้องไม่โฟกัสกับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะนักเตะญี่ปุ่นล้วนหน้ากลัวทุกคน”

ประธานพัฒนาเทคนิคบอลไทย กล่าวต่อว่าแม้โอกาสที่ ไทย จะชนะ ญี่ปุ่น เป็นเรื่องจาก แต่ผลเสมอยังพอมีความเป็นไปได้ เหมือนกับที่ สิงคโปร์ เคยบุกยันเสมอ ญี่ปุ่น มาแล้ว ในฟุตบอลโลก รอบที่ผ่านมา เมื่อปีที่แล้ว

Advertisement

“สิ่งที่ไทยจะต้องเจอคือเกมเพรสซิ่ง การกดดันของ ญี่ปุ่น ซึ่งเราต้องแก้ให้ได้ ขณะเดียวกันเมื่อคู่แข่งได้บอลก็ต้องเพรสซิ่ง สร้างความกดดันกลับไปด้วย นอกจากนี้ต้องไม่ลงรับต่ำเด็ดขาด ต้องเดินหน้าเข้าบีบพื้นที่ เราต้องสู้แบบไม่กลัวญี่ปุ่น จึงจะมีโอกาสคว้าแต้ม”

สำหรับ ทีมชาติไทย มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 2 กันยายน สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบิน คิวอาร์ 1165 ออกจากสนามบินคิง คาลิดฯ ประเทศซาอุฯ เวลา 18.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศกาตาร์ เที่ยวบินคิวอาร์ 836 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 3 กันยายน เวลา 12.40 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมงด้วยกัน ก่อนเข้าพักที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image