ทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่นที่นำ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล จ่าฝูงถึง 2 ครั้ง แต่กลับโดนยิงแซง 3-2 ก่อนจะแก้ตัวไล่ตีเสมอ 3-3 ในท้ายที่สุด กับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 21 เมื่อวันที่ 13 มกราคม
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
โดยโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยิงให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ 10 นาทีแรก ก่อนโดนอารอน แรมซีย์ ตีเสมอให้ทีมเยือน 1-1 ในอีก 4 นาทีต่อมา แม้ฟีร์มิโน่จะทำให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1 อีกครั้งในนาทีที่ 19 แต่ก็โดนโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ซัด 2 ประตูให้อาร์เซน่อลแซงนำ 3-2 ในนาที 25 และ 55 แล้วก็เป็นโจ อัลเลน ที่เปลี่ยนลงมาแทนเอ็มเร่ ชาน ในช่วง 8 นาทีสุดท้ายยิงตีเสมอ 3-3 ในนาทีที่ 90
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
อย่างไรก็ตาม แม้ทีมปืนใหญ่จะเก็บคะแนนเพิ่มได้แค่แต้มเดียว แต่ยังนำเป็นจ่าฝูงต่อไปด้วยการมี 43 คะแนนเท่ากับเลสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 1-0 ในวันเดียวกัน แต่มีผลต่างประตูได้เสียดีกว่า โดยทั้งคู่มีแต้มมากว่าทีมอันดับ 3 อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอเอฟเวอร์ตัน 0-0 อยู่ 3 คะแนนจากการแข่ง 21 นัดเท่ากัน
โรเบิร์ต ฮูธ (ซ้าย) แนวรับเลสเตอร์ ซิตี้ โหม่งประตูชัย 1-0 ในช่วง 7 นาทีสุดท้าย
จบเกม “เดลี่ มิร์เรอร์” สื่อเมืองผู้ดีรายงานว่า อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลที่อายุมากกว่าเยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูลถึง 18 ปี เผยคำพูดที่ตัวเองเดินเข้าไปบอกอีกฝ่ายในช่วงต้นครึ่งหลังในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 21 ที่ทีม “ปืนใหญ่” บุกเสมอ “หงส์แดง” 3-3 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ว่า ให้คล็อปป์ที่ต่อปากต่อคำกับโรเบิร์ต มัดลีย์ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 4 ที่ข้างสนามในช่วงก่อนหน้านั้น ให้ใจเย็นๆ เพราะไม่งั้นอาจโดนกรรมการเชิญให้ขึ้นไปอยู่บนอัฒจันทร์ได้ และยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหากับคล็อปป์ในวัย 48 ปีแต่อย่างใด
เยอร์เก้น คล็อปป์ (ซ้าย) และอาร์แซน เวนเกอร์
โดยนายใหญ่ชาวฝรั่งเศสรายนี้ เคยมีประสบการณ์โดนผู้ตัดสินเชิญขึ้นไปบนอัฒจันทร์ 2 ครั้งในเกมลีกที่แพ้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2009 ด้วยข้อหาเตะขวดน้ำข้างสนาม และอีกหนึ่งเกมลีกที่เสมอปอร์ตสมัธ 2-2 วันที่ 16 ธันวาคม 2006 หลังมีปัญหาช่วงพักครึ่งกับสตีฟ เบนเน็ตต์ ผู้ตัดสิน
ด้านเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ โค้ชหนุ่มฝีมือดีของ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อเลสเตอร์ที่มีเจ้าของสโมสรเป็นกลุ่มนักลงทุนประเทศไทย และยกให้ “เจ้าจิ้งจอกสยาม” ตัวนี้ สมควรจบฤดูกาลด้วยการเป็นทีม 4 อันดับแรก ซึ่งจะได้สิทธิไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า
ผลคู่อื่น
เชลซี เสมอ เวสต์บรอมวิช 2-2
สวอนซี ซิตี้ แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 2-4
เซาแธมป์ตัน ชนะ วัตฟอร์ด 2-0
สโต๊ก ซิตี้ ชนะ นอริช ซิตี้ 3-1