ในฐานะที่เป็นทีมฟุตบอลมีแฟนบอลมากสุดของโลก และเกือบรวยสุดในบรรดาสโมสรลูกหนังด้วยกัน แถมยังได้หนึ่งในกุนซือยอดฝีมืออย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ มาคุมทัพ จึงไม่แปลกที่ทุกสายตาจะจับจ้องไปกับทุกย่างก้าวของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ให้ลุ้นในฤดูกาลนี้ถึง 5 รายการ และสำเร็จไปแล้วหนึ่งกับโล่แชมป์การกุศลคอมมิวนิตี้ชิลด์
ที่เหลืออีก 4 ประกอบด้วยเกมฟุตบอลลีกสูงสุด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ 3 ฟุตบอลถ้วย เอฟเอคัพ อังกฤษ, ลีกคัพ อังกฤษ, สโมสรยุโรปยูโรป้าลีก โดย 3 รายการแรกไม่ต้องพูดถึง “แฟนผี” ทั่วโลกรู้สึกใกล้ชิดเป็นอย่างดี เพราะล้วนแต่เป็นถ้วยที่แมนฯ ยูไนเต็ด เคยคว้าแชมป์รวมกันมากถึง 36 ครั้ง แบ่งเป็นแชมป์ลีกสูงสุดดิวิชั่น 1 เดิม 7 ครั้ง และพรีเมียร์ลีก 13 ครั้ง, เอฟเอคัพ 12 ครั้ง, ลีกคัพ 4 ครั้ง
แต่เชื่อหรือไม่ว่า ปีศาจแดงยังไม่เคยได้ถ้วยยูโรป้าลีกมาประดับในตู้โชว์ใต้สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดแม้แต่ครั้งเดียว จริงอยู่ที่แมนฯ ยูไนเต็ดในยุคที่ **เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน** เริ่มปลุกให้ตื่นจากการหลับลึกในความสำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีรอบ 26 ปี ในฤดูกาล 1992-93 หรือเป็นปีแรกที่เปลี่ยนชื่อจากศึกดิวิชั่น 1 เป็นพรีเมียร์ลีก และหลังจากนั้นทีมก็ครองความยิ่งใหญ่ในลีกอังกฤษมาเกือบตลอด
ส่งผลให้ทีมมักได้สิทธิไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปเวทีใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ใช่ ยูโรป้าลีก หรือ ยูฟ่าคัพ เดิม และขณะเดียวกันหากย้อนไปในยุคที่แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้ความสำเร็จ แต่ยังพอตะเกียกตะกายคว้าโควต้าไปเล่นถ้วยเล็กยูฟ่าคัพได้บ้าง ก็ไม่เคยได้แชมป์เสียอีก
ทั้งที่รายการอื่นในยุโรปทั้งยูโรเปี้ยนคัพ หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปัจจุบัน, คัพ วินเนอร์สคัพ (เอาแต่แชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศ) ที่ต่อมาได้ยุบรวมกับยูฟ่าคัพ และยูฟ่าคัพก็เปลี่ยนชื่อเป็นยูโรป้าลีก หรือแม้แต่ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ที่นำเอาแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ กับแชมป์คัพ วินเนอร์สคัพ มาเจอกันนั้น ปีศาจแดงตัวนี้ล้วนเคยได้แชมป์มาหมดแล้ว
แม้แต่แชมป์สโมสรระดับโลกอย่างเวอร์ชั่นเก่าในชื่อฟุตบอล สโมสรโลก หรือของใหม่ ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ก็ไม่รอดน้ำมือเซอร์อเล็กซ์
จนเรียกได้ว่าศึกยูโรป้าลีกคือถ้วยเดียวที่แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่เคยได้สัมผัส แต่ตอนนี้โอกาสสร้างประวัติศาสตร์คว้าให้ครบทุกแชมป์ระดับเมเจอร์ได้มาอยู่ในมือแล้ว เหลือแค่ว่าโค้ชที่เต็มไปด้วย “เขี้ยวเล็บ” ทั้งใน และนอกสนามอย่างมูรินโญ่จะเอาจริงแค่ไหนกับรายการนี้ที่ถูกเปรียบได้กับ “ลูกเมียน้อย” ในสายตาเหล่ากุนซือมีชื่อ
อีกทั้งเจ้าของฉายา “เดอะ สเปเชียล วัน” ยังเพิ่งถลุงคลังสโมสรไม่ต่ำกว่า 150 ล้านปอนด์ (6.900 ล้านบาท / อัตรา 1 ปอนด์ 46 บาท) เพื่อกระชาก ปอล ป๊อกบา, เอริก ไบญี่ และ เฮนริกห์ มาคิตาร์ยาน มาร่วมทัพ ดังนั้นสิ่งที่อดีตนายใหญ่รีล มาดริด, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน และเอฟซี ปอร์โต้ รายนี้ ต้องเน้นที่สุดคือแชมป์ฟุตบอลลีกที่วัดกันด้วยฝีมือแบบลากยาวถึง 9 เดือน ไม่ใช่ความสำเร็จแบบฉาบฉวยอย่างฟุตบอลถ้วย
และไม่ว่าในใจจริงๆ ของมูรินโญ่จะเอาจริง หรือทิ้งถ้วยนี้พร้อมข้ออ้างสุดหรูว่าภารกิจที่แท้จริงของทีม คือการคว้าแชมป์ลีกในรอบ 4 ปี และกลับไปเล่นรายการที่คู่ควรกับฐานันดรของพวกเขาอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้าให้ได้ แต่ล่าสุดบรรดาร้านรับพนันถูกกฎหมายทั้งใน และนอกเกาะอังกฤษ พากันยกให้ปีศาจแดงกลายเป็น “เต็ง 1” ยูโรป้าลีกซีซั่นนี้ไปแล้ว
หลังผลการจับสลากรอบแบ่งกลุ่มออกมาว่า แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับ เฟเนร์บาห์เช่ จากตุรกี, ฟายนอร์ด จากเนเธอร์แลนด์ และ ซอร์ยา ลูฮานส์ก จากยูเครน ซึ่งดูแล้วแม้เฟเนร์บาห์เช่ที่มีอดีตเด็กเก่าตัวเองอย่าง “อาร์วีพี” โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยืนค้ำหอกอยู่จะดูน่ากลัวกว่าเพื่อน
แต่คงไม่แม้แต่จะระคายผิว ถ้า “ปีศาจแดง” และ “มูรินโญ่” เอาจริง!
