“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม้เพิ่งจะเสียฟอร์มแพ้ทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แค้นร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ 1-2 คาบ้าน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2016-17 นัดที่ 4 เมื่อวันที่ 10 กันยายน ยังมีข่าวดีปลอบใจแฟนบอล “เรดอาร์มี่”
หลังสโมสรประกาศผลประกอบการหนึ่งปีล่าสุดระหว่างเดือนมิถุนายนปีก่อน จนสิ้นสุดเดือนมิถุนายนปีนี้ เป็นรายได้จำนวน 515.3 ล้านปอนด์ (23,700 ล้านบาท / อัตรา 1 ปอนด์ 46 บาท) กลายเป็นสโมสรแรกในเกาะอังกฤษ ที่ทำเงินมากกว่าครึ่งพ้นล้านปอนด์
แม้แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟาน กัล กุนซือคนก่อนที่แม้แต่กองเชียร์ปีศาจแดงจำนวนไม่น้อยยังไม่ชื่นชอบสไตล์การทำทีม จะประสบความสำเร็จแค่การคว้าแชมป์เอฟเอคัพ อังกฤษ แถมยังทำทีมตกแค่รอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และไม่ได้สิทธิไปเล่นในรายการดังกล่าวอีกครั้งในฤดูกาลถัดไป
แต่แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีรายรับรวมเพิ่มจากหนึ่งปีก่อนหน้านั้น หรือระหว่าง มิถุนายน 2014-มิถุนายน 2015 ที่ 395.2 ล้านปอนด์ (18,179 ล้านบาท) เป็น 515.3 ล้านปอนด์ตามที่รายงาน
อย่างไรก็ตาม รายได้ 515.3 ล้านปอนด์ของแมนฯ ยูไนเต็ด ยังเป็นรองบาร์เซโลน่า อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่จากศึกลาลีก้า สเปน ที่เผยผลประกอบการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ 570 ล้านปอนด์ (26,220 ล้านบาท)
ส่วนอีกหนึ่งปีข้างหน้า แมนฯ ยูไนเต็ดที่ทุ่มเงินไปกับการดึงยอดโค้ชอย่างโจเซ่ มูรินโญ่ มารับตำแหน่งนายใหญ่ในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด รวมทั้งหมดเงินไปเป็นสถิติโลกในการซื้อปอล ป๊อกบา กลับมาจากยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ (4,094 ล้านบาท) แต่การที่สโมสรยังมีรายรับจากการใช้ผลิตภัณฑ์กีฬา “อาดิดาส” เป็นฤดูกาลที่ 2 จากการเซ็นสัญญามูลค่ามหาศาล 750 ล้านปอนด์ (34,500 ล้านบาท) เป็นเวลา 10 ปี
ส่งผลให้เอ๊ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารแมนฯ ยูไนเต็ด มั่นใจว่ารายได้ของทีมเมื่อจบเดือนมิถุนายน 2017 จะมากกว่าเดิม และน่าจะอยู่ในระหว่าง 530-540 ล้านปอนด์ (24,380-24,840 ล้านบาท) เป็นอย่างน้อย
