‘ช้าง’ มอบ 10 ล้าน สมทบ ‘กองทุนพัฒนาเยาวชนช้างศึกไทย’ ต่อเนื่องปีที่ 6
“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ, นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง, นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน รองผู้อำนวยการโครงการกีฬาไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง และจิรัชยากร กองทอง ผู้จัดการโครงการกีฬาฟุตบอลไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง ร่วมพิธีมอบเงินสนับสนุน “กองทุนพัฒนาเยาวชนช้างศึกไทย” จำนวน 10 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า “ต้องขอบคุณ “ช้าง” ที่มอบเงินสนับสนุนให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมทบ “กองทุนพัฒนาเยาวชนช้างศึกไทย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เพื่อสร้างรากฐานและพัฒนานักฟุตบอลไทยตั้งแต่ระดับเยาวชนให้มีประสิทธิภาพและก้าวขึ้นเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ต่อไปในอนาคต
“ในฐานะนายกสมาคมฯ ผมต้องขอขอบคุณช้างแทนแฟนบอลชาวไทยทุกคน โดยสมาคมจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ตามวัตถุประสงค์ให้คุ้มค่าที่สุด ตามเจตนารมณ์ของเครื่องดื่มตราช้าง ทุกบาทจะถูกนำไปใช้อย่างโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อการวางรากฐานพัฒนาฟุตบอลไทย” พล.ต.อ.ดร.สมยศ กล่าว
ขณะที่ นายสุรพล อุทินทุ กล่าวว่า “เครื่องดื่มตราช้าง ได้ให้การสนับสนุนวงการฟุตบอลไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 20 ปี โดยปัจจุบัน “ช้าง” สนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดยแบ่งงบประมาณออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้ในการสนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จำนวน 100 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 10 ปี รวม 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนากีฬาฟุตบอลไทยแบบทั้งระบบ
นายสุรพล กล่าวอีกว่า ส่วนที่สองช้าง ได้จัดตั้ง “กองทุนพัฒนาเยาวชนช้างศึกไทย” มอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีกปีละ 10 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 10 ปี รวม 100 ล้านบาท ซึ่งการมอบเงินครั้งนี้ นับเป็นปีที่ 6 เพื่อให้ทางสมาคมได้นำไปใช้ในการวางแผน สร้างรากฐาน และพัฒนานักฟุตบอลไทยในระดับเยาวชนโดยเฉพาะ เพื่อที่จะเติบโตไปอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยในอนาคต
สำหรับเงินสนับสนุนที่ “เครื่องดื่มตราช้าง” มอบให้สมาคมฯ รวมเป็นเงินสนับสนุนปีละ 110 ล้านบาท โดยมีพันธะสัญญา 10 ปี รวมทั้งสิ้น 1,100 ล้านบาท
