พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ประธานคณะกรรมการอุทธรณ์ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการอุทธรณ์ ที่ห้องประชุมสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อาคารพงษ์สุภี ชั้น 3 ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม
วาระสำคัญเป็นการพิจารณากรณีที่สโมสร “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยื่นหนังสืออุทธรณ์ขอให้ลดโทษแบนห้ามใช้สนามเหย้าเหลือแค่จนจบฤดูกาลนี้จากโทษเดิม 5 นัด และขอให้แฟนบอลเมืองทองเข้าชมเกมในสนามนัดชิงชนะเลิศถ้วยโตโยต้า ลีก คัพ 2016 พบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สนามศุภชลาศัย วันที่ 15 ตุลาคม และนัดสุดท้ายของศึกโตโยต้า ไทยลีก 2016 นัดบุกเยือน บีอีซี เทโรศาสน วันที่ 30 ตุลาคม จากบทลงโทษที่ได้รับหลังเกิดเหตุการณ์แฟนบอลทีมเมืองทอง และการท่าเรือ เอฟ.ซี. ทะเลาะวิวาทกันนอกสนามเอสซีจี สเตเดียม หลังจบเกมโตโยต้า ลีกคัพ 2016 รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา
ภายหลังการประชุมกว่า 3 ชั่วโมง พล.ต.ต.สุพิศาล เปิดเผยว่า คณะกรรมการอุทธรณ์ได้พิจารณารับเรื่องอุทธรณ์ของทีมเมืองทอง 2 ข้อคือ ข้อ 3.1 ขออุทธรณ์ลดโทษแบนสนามเหย้า 5 นัด ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาจากข้อกำหนดและข้อบังคับของคณะกรรมพิจารณาวินัยมารยาท โดยคณะกรรมการอุทธรณ์มีมติว่า เห็นควรให้ลดโทษแบนห้ามใช้สนามเหย้าให้สิ้นสุดแค่ฤดูกาลนี้ เพราะลงโทษข้ามฤดูกาลไม่แฟร์ต่อผู้ถูกลงโทษ ซึ่งการแบนข้ามสนามเหย้าข้ามปีไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น เท่ากับว่าทีมเมืองทองจะถูกแบนสนามเหย้าแค่ฤดูกาลนี้ รวมทั้งแฟนบอลไม่สามารถเข้าชมเกมในสนามได้ จากเดิมที่ถูกแบนสนามเหย้าไปถึงฤดูกาลหน้าอีก 3 นัด ส่วนปีหน้าทีมเมืองทองสามารถใช้สนามเหย้าเอสซีจี สเตเดียม และแฟนบอลเข้าชมได้ แต่ให้ทำแผนรักษาความปลอดภัยส่งเข้ามา ทั้งนี้ ยกเว้นหากแมตช์ไหนที่เจอกับทีมการท่าเรือในปีหน้านั้น แฟนบอลทั้งสองทีมไม่สามารถเข้าชมได้
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวต่อว่า อีกข้อคือ ข้อ 3.2 ขออุทธรณ์ลดโทษให้แฟนบอลทีมเมืองทองเข้าชมเกมลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศ และนัดสุดท้ายไทยลีกนั้น คณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท ทำให้ในนัดชิงลีกคัพ และนัดสุดท้ายของไทยลีก แฟนบอลทีมเมืองทองจะไม่สามารถเข้าชมเกมในสนามได้เช่นเดิม
“คณะกรรมการอุทธรณ์แก้ไขคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณามารยาทวินัยแค่ประเด็นเดียวก็คือ แก้ไขลดโทษแบนสนามเหย้าจนถึงแค่สิ้นฤดูกาลนี้ ส่วนประเด็นอื่นๆ ยังคงให้ยึดคำตัดสินเดิม ซึ่งมติของคณะกรรมการอุทธรณ์นี้ถือเป็นชั้นสุดท้ายของการพิจารณา และถือเป็นการสิ้นสุดของการตัดสิน” พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวทิ้งท้าย
