‘เอ็นเอฟแอล-ซุปเปอร์โบว์ล’ เตรียมขยาย ‘เอ็นเอฟที’ เบิกทางโลกคริปโทฯ
เอ็นเอฟแอล เตรียมประกาศขยาย “เอ็นเอฟที” ในรอบเพลย์ออฟ และศึกซุปเปอร์โบว์ล แอลวีไอ ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่สนามโซฟี สเตเดียม ในอิงเกิลวู้ด รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา หลังเปิดตัวก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูกาลปกติ
ศึกซุปเปอร์โบว์ลขึ้นแท่นเป็นกีฬาที่ค่าตั๋วแพงที่สุดในโลก โดยแฟนคลับจะต้องจ่ายกว่าหลักพันดอลลาร์เพื่อที่จะเข้าชมเกม ซึ่งการได้ดูแข่งด้วยสายตาตัวเองเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของใครหลายๆ คน
โดยตั๋วเข้าชมเกมในการแข่งขันครั้งนี้ จะเป็นตั๋วแบบงานเอ็นเอฟที ที่ระบุหมายเลขที่นั่งของผู้ซื้อเอาไว้ด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่รายการแรกที่ใช้ตั๋วชมเกมเป็นเอ็นเอฟที แต่หลายคนคาดว่ามันจะมีมูลค่ามหาศาลในอนาคตอย่างแน่นอน
โดยก่อนหน้านี้เอ็นเอฟแอล ฤดูกาลปกติก็เคยใช้ตั๋วเข้าชมการแข่งขันเป็นงานเอ็นเอฟที และแฟนคลับที่ซื้อตัวผ่านซี๊ดกีค, สตับฮับ หรือติ๊กเก็ตมาสเตอร์ ได้รับของที่ระลึกที่ลีกแจกจ่ายเป็นงานเอ็นเอฟทีกว่า 250,000 รายการ
ปัจจุบันงานเอ็นเอฟทีของซุปเปอร์โบวล์เป็นของสำหรับนักสะสม แม้ว่าตั๋วที่จะใช้รับชมเกมไม่ได้มีหลายคอลเลคชั่นเหมือนของสะสมทั่วๆ ไปที่มีหลายคอลเลคชั่น แต่ก็มีตลาดซื้อขายกันอย่างจริงจัง
โรเบิร์ต กัลโล รองประธานอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจสโมสร เปิดเผยว่า นี่เป็นสิ่งที่จะต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจให้มากขึ้นว่าเอ็นเอฟทีจะเป็นเทคโนโลยีส่วนหนึ่งในอนาคต
แม้ว่ากระแสเอ็นเอฟทีของเอ็นเอฟแอล จะเงียบกว่า “เอ็นบีเอ” แต่ดูเหมือนว่าหลายๆ อย่างเริ่มเปลี่ยนไป การสะสมตั๋วครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลปกติ ในปี 2021 และทางลีกก็ได้ร่วมมือกับแด็ปเปอร์ แล็ปส์” เพื่อสร้าง “เอ็นเอฟแอล ออล เดย์” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายของสะสมวิดีโอดิจิทัลที่คล้ายคลึงกับเอ็นบีเอ ท็อป ช็อต ซึ่งได้เริ่มขายงานเอ็นเอฟทีบนโฟลว์ บล็อกเชน เป็นที่เรียบร้อย
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแด็ปเปอร์ แล็ปส์จับมือกับทีมซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ส ขายของที่ระลึกดิจิทัลเป็นเหรียญที่ระลึกครบรอบฤดูกาลที่ 75 โดยมีราคาตั้งแต่ 9.49 ดอลลาร์ (313 บาท) ถึง 949.00 ดอลลาร์ (3.1 หมื่นบาท)