“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ลงสนามศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่ 4 ด้วยการบุกไปเยือน “สิงโตแห่งเมโสโปเตเมีย” อิรัก ที่ปาส สเตเดียม (สนามกลาง) กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม
เกมนี้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยังคงยึด 11 ผู้เล่นตัวจริงจากชุดที่พ่ายให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ครบทุกตำแหน่ง มาในระบบ 4-3-3 นำโดยผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กองหลัง แบ๊กซ้าย กัปตันทีม “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน, แบ๊กขวา ทริสตอง โด คู่เซนเตอร์แบ๊กเป็น กรวิทย์ นามวิเศษ จับคู่กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลาง 3 คน ประกอบด้วย สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์ และ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกซ้ายใช้ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ขวา มงคล ทศไกร โดยมี “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา เป็นกองหน้าตัวเป้า
ขณะที่ อิรัก ของกุนซือ ราดี ซวาดี จัดชุดใหญ่ลงสนามเช่นกัน นำทีมโดย อาลี อัดนาน ปีกซ้ายจากอูดิเนเซ่ ในกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี, อาเหม็ด ยัสซิน กานี และอลา อับดุลเซห์รา เป็นกัปตันนำทีม
เริ่มมาได้ไม่ถึง 3 นาที เป็นอิรักที่เปิดเกมรุกใส่ไทยทันที มาห์ดี้ คามิล ได้โอกาสยิงในเขตโทษ แต่กวินทร์ ยังเซฟเอาไว้ได้ที่เสาแรก ถัดมา 3 นาที เป็นอาลี อัดนาน ที่หลุดไปยิงติดเซฟกวินทร์อีกครั้ง
จังหวะลูกเตะมุม อิรัก ได้ประตูออกนำไทยทันที จากจังหวะที่ อลา อับดุลเซห์รา โหม่งตั้งให้ มูฮันหนัด อับดุลลาฮิม ชาร์จจ่อๆ ไม่พลาด อิรักนำไทย 1-0
จากนั้นอิรักยังคงเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกใส่ไทยอย่างต่อเนื่อง และมาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 25 จากจังหวะที่อาเหม็ด ยัสซิน กานี ยิงไปติดเซฟกวินทร์ก่อนจะไปเข้าทางมูฮันหนัด อับดุลลาฮิม แปเสยคานเข้าประตูไป
นาทีที่ 27 ไทยเปลี่ยนตัวทันที ถอด มงคล ทศไกร ที่โดนใบเหลืองออก ส่ง “ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงมาแทน ถัดมา 5 นาที เปลี่ยนคนที่ 2 ส่งประทุม ชูทอง ลงมาเล่นแทนธนบูรณ์
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก อิรักได้จังหวะโต้กลับหลุดมา 4 คน โดยเหลือเพียงกวินทร์เพียงคนเดียวของไทย แต่จังหวะสุดท้ายยิงพลาดไปเอง จบครึ่งแรกอิรักยังนำไทย 2-0
ครึ่งหลังไทยปรับตัวผู้เล่นคนสุดท้าย ส่งธนา ชะนะบุตร ลงมาแทนเกริกฤทธิ์
นาทีที่ 55 ไทยมีโอกาสบ้าง จากจังหวะที่ธนา จ่ายทะลุช่องให้ธีรศิลป์หลุดไปยิง ติดเซฟของ โมฮัมเหม็ด ฮามีด นายทวารอิรัก
แต่ทว่านาทีที่ 69 ไทยต้องเสียเปรียบหลังจากที่กรวิทย์ นามวิเศษ มีปัญหาปะทะกับ อาหมัด อิบราฮิม แต่แนวรับไทยถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ขณะที่กองหลังอิรักโดนแค่ใบเหลืองเท่านั้น
สถานการณ์ไทยยิ่งย่ำแย่ ในนาทีที่ 76 อาเหม็ด ยัสซิน กานี เข้าบอลช้าทำให้ประทุมไปปะทะกับกวินทร์ จนต้องรีบหามส่งโรงพยาบาลโดยทันที ทำให้ไทยต้องเล่น 9-11 คน
นาทีที่ 87 มูฮันหนัด อับดุลลาฮิม ซัดประตูที่ 3 เป็นแฮตทริกให้กับตัวเอง ให้อิรักหนีห่างไทย 3-0
ก่อนที่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ อับดุลลาฮิม จะซัดเพิ่มอีก 1 ประตู ปิดท้ายให้อิรักชนะไทย 4-0 ทำให้อิรัก มี 3 คะแนน จาก 4 นัด เป็นอันดับ 5 ของกลุ่ม ส่วนไทย 4 นัด แพ้รวด ยังไม่มีคะแนน รั้งบ๊วยของกลุ่ม ทำให้โอกาสของทีมชาติไทยริบหรี่ แม้เหลือโปรแกรมอีก 6 นัด
ขณะที่ผลอีกคู่หนึ่งในกลุ่มเดียวกัน ออสเตรเลีย เสมอกับ ญี่ปุ่น 1-1 ทำให้ผ่าน 4 นัด ออสเตรเลีย มี 8 คะแนน ส่วนญี่ปุ่น มี 7 คะแนน โดยโปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทย จะเปิดราชมังคลากีฬาสถาน รับการมาเยือนของออสเตรเลีย ในวันที 15 พฤศจิกายน
