“เดลี่ มิร์เรอร์” สื่อประเทศอังกฤษรายงานว่า จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งตำแหน่งนายใหญ่ “ฟีฟ่า” ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเป็นคนผลักดันแนวคิดเพิ่มทีมเข้ารอบสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลกจากเดิม 32 ทีมเป็น 40 หรือ 48 ทีมในฟุตบอลโลก 2026 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยืนยันว่าการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ครั้งแรกในการประชุมสภาฟีฟ่าที่นครซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เป็นไปในทิศทางที่ดี
อินฟานติโน่ อดีตเลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) และทนายความสัญชาติสวิตเวอร์แลนด์-อิตาลี วัย 46 ปี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวผ่านการประชุมสายทางโทรศัพท์ หลังการประชุม 36 สมาชิกสภาฟีฟ่าวันแรกจากทั้งหมด 2 วันว่า ความคิดเพิ่มทีมเข้ารอบสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2026 เป็นไปด้วยดี แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องทำงานกันอย่างหนักอีกมาก ถ้าจะให้แนวคิดดังกล่าวประสบผลสำเร็จ และจะตัดสินใจลงมติในเดือนมกราคมปีหน้า รวมทั้งไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับระบบการคัดทีมเข้ารอบสุดท้ายในขณะนี้ได้มากนัก
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว “เอเอฟพี” ของประเทศฝรั่งเศส เผยว่าหากฟีฟ่าลงมติเพิ่มเป็น 40 ทีมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทำได้ 2 กรณีคือแบ่งเป็น 8 กลุ่มๆ ละ 5 ทีม หรือแบ่งเป็น 10 กลุ่ม และกลุ่มละ 4 ทีมเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นการเพิ่มทีม 48 ทีม ซึ่งเป็นความคิดที่อินฟานติโน่ชอบมากที่สุด จะต้องคัดทีมจากรอบคัดเลือกในฐานะแชมป์กลุ่ม จากจำนวน 16 กลุ่มเข้ารอบสุดท้ายอัตโนมัติ 16 ทีม และคัดอีก 32 ทีมจากรอบคัดเลือกตามเข้ารอบเพื่อให้ครบ 48 ทีม
แต่ 32 ทีมดังกล่าวจะต้องเล่นในรอบเพลย์ออฟ 1 นัด เพื่อคัดให้เหลือ 16 ทีม และเมื่อรวมกับ 16 ทีมที่ผ่านเข้ารอบมาก่อนหน้านี้เป็น 32 ทีม ก่อนเล่นในระบบแบ่งกลุ่ม 32 ทีม 8 กลุ่มๆ ละ 4 ทีมเหมือนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการมีเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายร่วมกัน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประเทศเจ้าภาพ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกตกต่ำอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้มีเพียงครั้งเดียวที่ฟุตบอลโลกมีเจ้าภาพร่วมคือปี 2002 แต่สาเหตุที่เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ร่วมกันจัดการแข่งขันไม่ได้มาจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่ต้องการเป็นชาติแรกในทวีปเอเชียที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก
