ทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้โจเซ็ป “เป๊ป” กวาร์ดิโอล่า อดีตกุนซือที่พาทั้งบาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิก คว้าแชมป์รายการสำคัญได้ถึง 21 ครั้ง ภายในระยะเวลา 7 ปีคุมทัพ และออกสตาร์ตฤดูกาลนี้ด้วยการชนะ 10 นัดติดจากทุกรายการ แต่ล่าสุดยังไม่ชนะใครเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน หลังทำได้แค่เปิดบ้านไล่ตีเสมอ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน 1-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 8 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม
ทั้งที่เจ้าถิ่นได้โอกาสบวกประตูเพิ่มจากการยิงจุดโทษถึง 2 ลูกจากเควิน เดอ บรอยน์ กองกลางตัวเก่งที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาในนาทีที่ 43 และเซร์คิโอ “กุน” อากูเอโร่ กองหน้าที่เป็นตัวสำรองในเกมนี้ เพราะเพิ่งเดินทางกลับมาจากการเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินา ในนาทีที่ 70 แต่กลับไม่ผ่านมือมาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก นายทวารทีมเยือน แถมยังโดนเอฟเวอร์ตันทำประตูขึ้นนำ 1-0 จากโรเมลู ลูกากู ในนาทีที่ 64 ทว่าไล่ตีเสมอ 1-1 ในอีก 8 นาทีถัดมาจากโนลิโต้ อีกหนึ่งตัวสำรอง
ส่งผลให้แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูงไม่ชนะในลีก 2 นัดติด และเก็บเพิ่มได้แค่แต้มเดียว ทั้งที่ออกตัว 6 นัดแรกด้วยการชนะรวดมี 19 แต้ม ยังอยู่อันดับ 1 ของตารางคะแนนต่อไปก็จริง แต่ถูกทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อลซึ่งเบียดชนะ “หงส์ขาว” สวอนซี ซิตี้ 3-2 ในเกมลีกวันเดียวกันทำคะแนนเท่ากันที่ 19 แต้ม ทว่ามีผลต่างประตูได้เสียเป็นรองทีมเรือใบสีฟ้าที่บวก 11 ลูกแค่ลูกเดียว
จบเกม “เป๊ป” แก้ตัวให้เดอ บรอยน์ และกุน หลังยอมรับว่าไม่มีเวลาให้ลูกทีมซ้อมยิงจุดโทษมากนัก เพราะต้องใช้เวลาซ้อมส่วนใหญ่หมดไปกับการคิดถึงเรื่องอื่น นอกจากนี้ ไม่ว่าใครก็สามารถซ้อมยิงจุดโทษแบบที่ต้องการได้ แต่เมื่อถึงเวลายิงจริงๆ มันกลับมีคนดูในสนามคอยกดดัน รวมทั้งยืนยันว่าไม่ได้ผิดหวังที่ลูกทีมเก็บชัยไม่ได้ ตรงข้ามกันยังรู้สึกเศร้าแทนนักเตะ เนื่องจากพวกเขาสมควรเป็นผู้ชนะในเกมนี้
