ตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เรียกประชุมสภากรรมการสมาคมฯเร่งด่วน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่สโมสรตำรวจ เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ภายใต้การดูแลของสมาคมฯ พร้อมกับเชิญตัวแทนสโมสร และผู้สนับสนุนเข้าแสดงความคิดเห็น ภายหลังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากการสัมภาษณ์ของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ว่า การแข่งขันฟุตบอลไทยในโปรแกรมต่างๆ ที่มีวงรอบอยู่แล้วนั้นสามารถดำเนินการได้ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังสภากรรมการสมาคมฯได้มีมติให้ยุติการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมกีฬาฯ เปิดเผยว่า เรียนแฟนฟุตบอลชาวไทย สื่อมวลชน และท่านผู้ที่เกี่ยวข้อง การนี้หลังจากสโมสรสมาชิกได้เข้าแสดงความคิดเห็นแล้ว สภากรรมการสมาคมฯได้มีการหารือกันโดยนำข้อมูลนี้มาประกอบการตัดสินใจ และยืนตามมติเดิมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ทั้งเรื่องการยุติการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการภายใต้การดูแลของสมาคม และการจัดอันดับผลการแข่งขัน ประจำฤดูกาล 2559
นายพาทิศกล่าวว่า อย่างไรก็ตามยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการประชุมสภากรรมการฯ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ในนามของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จึงอยากเรียนชี้แจงเพื่อให้เกิดความถูกต้องดังนี้
1.การประชุมในวันที่ 17 ตุลาคม เป็นการประชุมสภากรรมการของสมาคมฯ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยสโมสรสมาชิก และมีอำนาจตัดสินใจตามระเบียบข้อบังคับของสมาคมฯ มิใช่การประชุมใหญ่ที่สโมสรสมาชิกทั้งหมดจะร่วมออกเสียงลงมติได้
2.สมาคมฯไม่สามารถเปิดการประชุมใหญ่ที่กำหนดไว้ปีละครั้ง เพื่อให้สโมสรสมาชิกทั้งหมดมาร่วมลงมติได้ เนื่องจากการเปิดประชุมใหญ่พิเศษจะต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 55 วัน
3.ดังนั้นสมาคมฯทำได้เพียงเปิดประชุมสภากรรมการฯ ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจ แต่ระเบียบข้อบังคับระบุไว้ว่าสภากรรมการฯสามารถรับฟังความคิดเห็นของบุคคลภายนอกได้ แต่ไม่สามารถลงมติออกเสียง จึงได้มีการเชิญสโมสรสมาชิกเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้
4.ฉะนั้นตามที่ความเข้าใจออกมาว่ามติ 17 ต่อ 1 ให้ยุติการแข่งขันทุกรายการนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด เนื่องจาก 17 ต่อ 1 คือความคิดเห็นจากสโมสรสมาชิกที่เป็นเพียงแนวทางให้สภากรรมการฯนำมาประกอบการตัดสินใจด้านหนึ่ง ซึ่งตรงกับมติของสภากรรมการในวันที่ 14 ตุลาคม เช่นเดียวกับความคิดเห็นที่สโมสรส่วนใหญ่ต้องการให้ยืนจำนวนสโมสรในไทยลีกไว้ที่ 18 ทีม สภากรรมการฯจึงตัดสินใจยืนตามมติเดิม
5.สาเหตุที่สภากรรมการไม่ให้สโมสรสมาชิกเข้าไปชี้แจง และแสดงความคิดเห็นทั้งการเขียนก็ดี หรือการพูดก็ดีพร้อมๆ กัน แต่ให้เข้าไปทีละสโมสร เพราะต้องการให้แต่ละสโมสรมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียม โดยปราศจากความกดดันใดๆ
สุดท้ายนี้ สมาคมฯขอขอบคุณทุกสโมสรตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน สำหรับการเข้าร่วมเสนอความคิดเห็นอย่างรอบด้าน เพื่อช่วยกันหาทางออกที่เหมาะสมสำหรับช่วงเวลาที่แสนสะเทือนใจปวงชนชาวไทยทั้งประเทศเช่นเวลานี้
