‘เป๊ป’ยันไม่เลิกใช้‘โกล์’เล่นนอกเขต แม้‘บราโว่’พลาด จนมีส่วนทำให้‘เรือ’โดน‘บาร์ซ่า’ถล่ม 4-0

โจเซ็ป "เป๊ป" กวาร์ดิโอล่า (ภาพ AFP)

โจเซ็ป “เป๊ป” กวาร์ดิโอล่า หนึ่งในยอดโค้ชยุคนี้ที่เคยคุมบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ถึง 14 ครั้ง และบาเยิร์น มิวนิก อีก 7 ครั้ง ภายในเวลาแค่ 7 ปี ยืนยันว่าจะไม่เลิกใช้แผนการเล่นที่ให้ผู้รักษาประตูมีส่วนร่วมกับเกมด้วยการใช้เท้าเล่นทั้งใน และนอกกรอบเขตโทษ

แม้ล่าสุดเคลาดิโอ บราโว่ นายทวารทีมชาติชิลีที่ “เป๊ป” ซึ่งย้ายมาคุมทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ ลงทุนซื้อมาจากทีมเก่าอย่าง “บาร์ซ่า” และบีบให้โจ ฮาร์ต นายทวารมือหนึ่งแมนฯ ซิตี้ ย้ายไปโตริโน่ด้วยสัญญายืมตัว จะเล่นบอลด้วยเท้านอกเขตโทษพลาด จนตัวเองต้องโดนไล่ออกตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และทำให้ทีมที่ตามบาร์เซโลน่า 0-1 อยู่แล้วเหลือคนน้อยกว่า ก่อนโดนเจ้าถิ่นยิงอีก 3 ประตูจนแพ้ไป 0-4 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2016-17 รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 3 กลุ่มซี ที่สนามคัมป์นู นครบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม

อย่างไรก็ตาม นอกจากบราโว่จะเล่นพลาดแล้ว อีก 3 จาก 4 ประตูที่แมนฯ ซิตี้ เสียไปในเกมนี้ ยังมาจากความผิดพลาดของเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ไลจากประตูแรกในนาทีที่ 17 ซึ่งอเล็กซานดรา โคลารอฟ แบ๊กซ้ายสกัดบอลพลาด และถูกลิโอเนล เมสซี่ พาบอลไปจ่ายให้อันเดรส อิเนียสต้า ยิงจังหวะแรกติดบล็อกปาโบล ซาบาเลต้า แม้แฟร์นันดินโญ่กองกลางแมนฯ ซิตี้ ที่วิ่งตามมาน่าจะสกัดได้ไม่ยาก แต่กลับลื่นล้มปล่อยให้เมสซี่เลี้ยงบอลหลบบราโว่ยิงให้บาร์ซ่านำ 1-0

จากนั้นหลังบราโว่ออกมาส่งบอลนอกเขตโทษพลาดไปเข้าเท้าหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าคู่แข่งที่กระดกบอลข้ามหัวเพื่อเป็นประตู แต่บราโว่ใช้มือปัดบอลนอกเขตโทษ ส่งผลให้มิโลราด มาซิช ผู้ตัดสินจากเซอร์เบีย ให้ใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 53 และหลังจากนั้นแค่ 8 นาที แมนฯ ซิตี้ที่คนน้อยกว่าก็พลาดอีก จากการที่เควิน เดอ บรอยน์ ส่งบอลคืนหลังไปให้อิเนียสต้าของบาร์เซโลน่าที่จ่ายให้เมสซี่ยิงผ่านมือวิลลี่ กาบาเญโร่ นายทวารตัวสำรองเป็นประตู 2-0

Advertisement

เคลาดิโอ บราโว่ (ภาพ AFP)

นาทีที่ 69 อิลคาย กุนโดกัน นักเตะทีมเยือนคืนหลังให้จอห์น สโตนส์ ไม่ดีไปเข้าทางซัวเรซที่เปิดให้เมสซี่ยิงเข้าไป 3-0 และเป็นการทำ “แฮตทริก” ครั้งที่ 37 ของเจ้าตัวในสีเสื้อบาร์ซ่า และครั้งที่ 41 ในชีวิตหากรวมผลงานกับทีมชาติอาร์เจนตินา ก่อนมีส่วนทำให้ทีมได้จุดโทษช่วง 3 นาทีสุดท้าย แต่เนย์มาร์ยิงไปติดเซฟกาบาเญโร่ ทว่าเนย์มาร์แก้ตัวหลังได้บอลจากเมสซี่ และหลบนักเตะแมนฯ ซิตี้ เข้าไปยิงประตู 4-0 ใน 2 นาทีถัดมา แม้ก่อนหน้านั้นในนาทีที่ 73 เจ้าถิ่นจะเหลือ 10 คนเท่ากันเมื่อเฌเรมี่ มาติเยอ กองหลังตัวสำรองโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงก็ตาม

จบเกม เป๊ปพาแมนฯ ซิตี้ แพ้บาร์เซโลน่าทีมเก่า 0-4 จนเป็นความปราชัยยับเยินสุดร่วมในชีวิตการเป็นกุนซือ และทีมเรือใบสีฟ้าไม่ชนะใคร 4 เกมติดจากทุกรายการ ทั้งที่ 10 เกมก่อนหน้านั้นชนะรวด แต่เป๊ปยืนยันว่าจะไม่มีวันเลิกสไตล์การเล่นที่ให้ผู้รักษาประตูใช้เท้าเล่นเด็ดขาด ซึ่งแน่นอนว่าความผิดพลาดแบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ และอยากย้ำว่าแม้บราโว่ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ รวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมในรอบ 10 ปีของโลก แต่เขาจะต้องเรียนรู้ต่อไป และความผิดพลาดครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องขอโทษเพื่อนร่วมทีมทุกคนในห้องแต่งตัว

Advertisement

เป๊ปยังกล่าวต่อไปอีกว่า การเล่นกับบาร์เซโลน่าด้วยการมีนักเตะ 11 คนเท่ากันก็นับว่ายากแล้ว ยิ่งเหลือ 10 คนก็แทบจะจบเกมทันที

สำหรับสถิติการคุมทีมแพ้คู่แข่งครั้งเลวร้ายสุดร่วมของเป๊ปก่อนหน้านี้ คือเกมแชมเปี้ยนส์ลีกเช่นกัน แต่เป็นสมัยคุมบาเยิร์นแพ้รีล มาดริด ในถิ่นตัวเอง 0-4 ซึ่งเป็นการเล่นในรอบรองชนะเลิศ นัด 2 ฤดูกาล 2013-14

ส่วนผลอีกคู่เกมซีด้วยกัน กลาสโกว์ เซลติก แพ้ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค คาบ้าน 0-2 ทำให้บาร์เซโลน่านำเป็นจ่าฝูงต่อไปด้วยการมี 9 คะแนนจากการชนะรวด 3 นัด ตามด้วยอันดับ 2 ยังเป็นแมนฯ ซิตี้ ที่แม้จะไม่ชนะใน 2 เกมหลังสุด แต่มี 4 คะแนน ทว่าถูกกลัดบัคแซงเซลติคจากบ๊วยมาอยู่ที่ 3 และมี 3 คะแนน ขณะที่เซลติคหล่นรั้งอันดับสุดท้ายมีเพียงแต้มเดียว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image