ทัพนักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย มีโปรแกรมทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่ 5 พบ ออสเตรเลีย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 15 พฤศจิกายน จากนั้นทีมชาติไทยจะมีคิวป้องกันแชมป์ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016” โดยอยู่กลุ่มเอร่วมกับ ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ซึ่งแข่งขันที่ประเทศฟิลิปปินส์ วันที่ 19-25 พฤศจิกายนนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทยนำนักเตะเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่แคมป์กิเลน วัลเลย์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา โดยขาดเพียง ทริสตอง โด และนฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ติดภารกิจก่อนจะมาสมทบทีมภายหลัง ทั้งนี้ ก่อนเข้าแคมป์ทีมชาติไทยได้สักสักการะศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย
จากนั้นในช่วงเย็นโค้ชซิโก้ได้นำลูกทีมลงฝึกซ้อมเป็นครั้่งแรกทันที โดยเน้นไปที่การวอร์มร่างกายเบาๆ เล่นลิงชิงบอล และฟื้นฟูสภาพร่างกาย มีเพียง ธนา ชะนะบุตร ที่บาดเจ็บข้อเท้าและแยกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม ใช้เวลาฝึกซ้อมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง
โค้ชซิโก้ เปิดเผยว่า การฝึกซ้อมวันแรกได้เน้นเรื่องพละกำลังเป็นพิเศษ เพื่อเรียกความฟิต และหลังจากการฝึกซ้อม 1 สัปดาห์อาจจะทดสอบร่างกาย เพื่อเช็กสภาพความฟิตว่าอยู่ในระดับใด โดยการทดสอบแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ การวัดปริมาณไขมันของร่างกาย, การทดสอบความคล่องตัว และการทดสอบความอดทนของร่างกาย อย่างไรก็ตาม จากการซ้อมวันแรกถือว่าทุกคนมีสภาพร่างกายน่าพอใจ เพราะแม้ว่าจะไม่มีโปรแกรมฟุตบอลลีกนานกว่า 2-3 สัปดาห์ แต่หลายคนรักษาสภาพความฟิตเป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าไม่น่าใช้เวลานานจะเข้าที่
กุนซือทีมชาติไทยกล่าวว่า สำหรับอาการบาดเจ็บของ ธนา ชะนะบุตร ที่เจ็บเล็กน้อยเราก็ให้แยกซ้อมไป ซึ่งไม่กี่วันน่าจะกลับมาเล่นกับเพื่อนร่วมทีมได้ โดยการเทสต์ฟิตนั้นคงค่อยๆ กันไป ค่อยๆ ซ้อมเก็บพละกำลังไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมีการเทสต์อย่างจริงจัง ส่วนกรณีของ ทริสตอง โด และนฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่ยังไม่มานั้นอีก 1-2 วันจะตามมาสมทบเพื่อนร่วมทีม เพราะโดเองตอนนี้ติดธุระอยู่ฝรั่งเศส และนฤบดินทร์ทำธุระเรื่องการเรียน
ขณะที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายขจร เจียรวนนท์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่จะไปเชิญใครเข้ามาทำหน้าที่ในช่วงนี้ โดยได้พูดคุยกับหลายคน และเขาอยากเข้ามาทำ แต่จะมาเริ่มในช่วงกลาง ปะติดปะต่อ จึงยากที่จะเข้ามารับงานในทันที ทำให้ได้พูดคุยกับทีมงานทุกคนว่า เพื่อให้นักเตะมั่นใจ และมีขวัญกำลังใจ ผู้จัดการทีมจะต้องสามารถตัดสินใจทุกอย่างได้ ดังนั้น ตัวเองจะเข้าไปเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวไปก่อน
“ช่วงเวลานี้ต่อไปนี้ ผมจะเข้ามาดูแลทีมชาติไทยเอง ซึ่งอาจจะไม่ประกาศตัวว่าทำหน้าที่ผู้จัดการทีม แต่ผมจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนคอยดูแลทุกคนจนกว่าจะได้ผู้จัดการทีมคนใหม่ หากขาดเหลืออะไรก็สามารถบอกได้ และจะทำอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำให้ทีมสามารถทำภารกิจสำเร็จได้ ผมดูจากแววตาทุกคนแล้วเชื่อว่าพวกเราทำได้ ดังนั้นเราอย่ากลัวว่าเขามีรูปร่างตัวสูงใหญ่ เราสู้ได้ และอะไรก็เกิดขึ้นได้” บิ๊กอ๊อดกล่าว
