ศึกกอล์ฟหญิงแอลพีจีเอทัวร์ รายการ โตโต้ เจแปน คลาสสิก ที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายนนี้ ถือเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญที่แฟนกอล์ฟทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนสะวิงบ้านเราต้องให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวมือ 2 ของโลก มีโอกาสจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่คว้ารางวัลใหญ่สุดของกีฬากอล์ฟอาชีพไม่ว่าชายหรือหญิงได้สำเร็จ
เนื่องด้วยปัจจุบัน เอรียามีคะแนนสะสมลุ้นรางวัล นักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี ของแอลพีจีเอทัวร์อยู่ที่ 260 คะแนน นำเป็นอันดับ 1 ตามด้วย ลิเดีย โค มือ 1 ของโลกชาวนิวซีแลนด์เชื้อสายเกาหลี ซึ่งมี 247 คะแนน น้อยกว่าโปรเม 13 คะแนน
ฤดูกาลนี้ แอลพีจีเอทัวร์ยังเหลือการแข่งขันอีก 3 รายการ คือที่ญี่ปุ่นสุดสัปดาห์นี้ ต่อด้วยรายการพิเศษ ลอเรน่า โอชัว อินวิเตชั่นแนล ที่เม็กซิโก ในสัปดาห์ถัดไป ปิดท้ายด้วยรายการใหญ่ส่งท้ายปี ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 17-20 พฤศจิกายน
ด้วยสถานการณ์คะแนนในปัจจุบัน เป็นที่แน่นอนแล้วว่า บรู๊ก เฮนเดอร์สัน โปรสาวมือ 6 ของโลกจากแคนาดา จะไล่ตามทั้งเมและโคไม่ทัน เนื่องจากมี 154 คะแนน โดนทิ้งค่อนข้างห่าง อย่างไรก็ตาม ทั้งเอรียาและโคต่างเลือกลงเล่นเพียง 2 รายการ คือที่ญี่ปุ่นและสหรัฐ และตัดสินใจหยุดพักช่วงโปรแกรมแข่งที่เม็กซิโกเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนศึกสุดท้ายของปี ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสเก็บคะแนนสะสมเพิ่มจากกรณีคว้าแชมป์รวมแล้ว 60 คะแนน
แอลพีจีเอกำหนดว่าผู้เข้าแข่งขันที่ติดอันดับท็อปเท็นของแต่ละรายการจะได้คะแนนสะสมลดหลั่นกันลงมา เริ่มจากแชมป์ได้ 30 คะแนน, รองแชมป์ 12 คะแนน, อันดับ 3 ได้ 9 คะแนน, อันดับ 4 ได้ 7 คะแนน และตั้งแต่อันดับ 5 จะลดหลั่นลงทีละแต้มจนเหลือ 1 คะแนนในอันดับ 10
หมายความว่า ถ้าโปรเมคว้าแชมป์รายการที่ญี่ปุ่นได้สำเร็จ จะมีคะแนนสะสมรวม 290 คะแนน แม้ว่าโคจะได้อันดับ 2 ก็จะมีคะแนนตามหลังเมถึง 31 คะแนน ซึ่งโดนทิ้งขาดแน่นอนแล้ว ถ้าโปรเมคว้าแชมป์ โตโต้ เจแปน คลาสสิก ได้ ก็จะการันตีการคว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปีทันที!
กรณีที่ทั้งคู่ไม่ติดอันดับท็อปเท็นที่ญี่ปุ่นจนคะแนนสะสมยังห่างกัน 13 คะแนนเท่าเดิม โคก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคว้าแชมป์ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ให้ได้สถานเดียวเพื่อคว้ารางวัลนี้ไปครองเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
หรือหากทุกอย่างกลับตาลปัตร เป็นฝ่ายโคที่ได้แชมป์เจแปน คลาสสิก และเอรียาไม่ติดท็อปเท็น สาวแดนกีวีก็จะแซงขึ้นนำคะแนนสะสมแทน และกลายเป็นโจทย์ยากให้สาวไทยต้องเป็นฝ่ายคว้าแชมป์รายการท้ายปีให้ได้แทน
หากพิจารณาจากผลงานในช่วงหลังๆ ของทั้งคู่ ถือว่าโปรเมมีภาษีค่อนข้างดีกว่า เนื่องจากผลงานค่อนข้างสม่ำเสมอกว่า หรือถ้าหลุดท็อปเท็นก็มักจะหลุดไปพร้อมๆ กัน ถ้าสาวไทยไม่ปล่อยให้โคทำอันดับทิ้งห่างมากนัก ก็ไม่น่ามีปัญหาในการคว้ารางวัลใหญ่ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ช่วงโค้งสุดท้ายของแอลพีจีเอทัวร์ ไม่ได้มีแค่รางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปีเป็นเดิมพันเพียงอย่างเดียว ยังมีถ้วยรางวัลหรือโบนัสพิเศษมากมายให้ทั้งโปรเมและโคได้ลุ้นกันอยู่
รางวัลที่โคค่อนข้างจะจับจองไว้แน่นอนแล้วคือถ้วยแวร์ โทรฟี่ หรือรางวัลสำหรับนักกอล์ฟซึ่งทำสกอร์เฉลี่ยต่อรอบต่ำสุดในรอบปี ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันโปรสาววัย 19 ปีจากแดนกีวีนำเป็นอันดับ 1 ด้วยสกอร์เฉลี่ย 69.552 ตามด้วย ชอน อินกี จากเกาหลีใต้ 69.615 ส่วนโปรเมอยู่อันดับ 4 ที่ 69.941
ขณะที่ตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินรางวัลสะสมสูงสุดแห่งปีนั้น ผลจากการคว้าอันดับ 43 ร่วมของโปรเมในศึก ซีม ดาร์บี้ แอลพีจีเอ มาเลเซีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของโปรเม และการคว้าอันดับ 12 ร่วมของโค ส่งผลให้โคแซงเมกลับขึ้นมานำเงินรางวัลสะสมที่ 2,451,642 ดอลลาร์สหรัฐ (85.8 ล้านบาท) ขณะที่เมตามหลังมาแบบเกาะติด ห่างเพียง 3,744 ดอลลาร์สหรัฐ (131,000 บาท) เท่านั้น ถือว่าตำแหน่งนี้ยังตัดสินกันยาก ขึ้นอยู่กับผลงาน 2 รายการสุดท้ายของทั้งคู่
สุดท้ายคือ เรซ ทู ซีเอ็มอี โกลบ ซึ่งเป็นโบนัสสำหรับนักกอล์ฟหญิงที่ทำผลงานดีสม่ำเสมอที่สุดในรอบปี แบบเดียวกับคะแนนสะสม เฟดเอ็กซ์คัพ ของฝ่ายชาย แต่ต่างกันตรงที่โบนัสของผู้ชายนั้นเป็นตัวเงินมหาศาลถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (350 ล้านบาท) ส่วนของผู้หญิงอยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (35 ล้านบาท) แม้ว่าจะห่างกันถึง 10 เท่า แต่ก็ยังถือเป็นโบนัสก้อนโตสำหรับวงการกอล์ฟหญิงอยู่ดี
สถานการณ์ปัจจุบัน โปรเมมีคะแนนสะสมนำเป็นอันดับ 1 ที่ 4,416 คะแนน โดยมีโคไล่จี้มาห่างเพียง 51 แต้ม โดยนักกอล์ฟที่มีคะแนนสะสมดีที่สุด 70 อันดับแรกจะได้สิทธิเข้าร่วมรายการ “ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ” และเมื่อถึงเวลานั้นจะรีเซตคะแนน โดยยึดอันดับเดิม แต่กำหนดคะแนนใหม่ตามตารางที่ทางทัวร์กำหนดไว้ เพื่อเพิ่มโอกาสคว้าโบนัสสำหรับคนที่อยู่อันดับรองๆ ลงมา เพียงแต่คนที่มีอันดับดีกว่าก็จะมีคะแนนยืนพื้นมากกว่า โอกาสคว้าโบนัสก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หมายความว่า การแข่งขันโตโต้ เจแปน คลาสสิก ที่ญี่ปุ่นช่วงสุดสัปดาห์นี้ นอกจากจะมีความหมายกับโปรเมในแง่การลุ้นรางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปีแล้ว หากทำอันดับได้ดีกว่าโค ก็จะการันตีการเข้าสู่ศึกทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ในฐานะมือวางอันดับ 1 และมีคะแนนยืนพื้นมากที่สุดที่ 5,000 คะแนน
ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จส่งท้ายปีของโปรเมที่แฟนกอล์ฟชาวไทยต้องเอาใจช่วยกัน
