แค่เปลี่ยนวิธีคิด

บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือระดับมหาชนของทีมฟุตบอล “ช้างศึก” ต้องปรับเปลี่ยนแนวความคิด วิธีการการทำทีมฟุตบอลทีมชาติไทยหากหวังจะพาทีมฟุตบอลไทยก้าวไปสู่ระดับท็อปของทวีปเอเชีย

ที่ผ่านมานักฟุตบอลไทย ทีมงานสต๊าฟโค้ช ผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แฟนฟุตบอลไทย เหมือนอยู่ในช่วง “สุกงอม” กับความสำเร็จระดับอาเซียน จึงวาดหวังไว้ค่อนข้างสูงกับผลงานของทีมฟุตบอล “ช้างศึก” ในเวทีใหญ่อย่างศึกคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ไปลุยเวิลด์คัพ 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ในโควต้า 4 ทีมครึ่ง

ผลงานโคตรแจ่มของทีมฟุตบอลไทยในช่วงที่ผ่านมาส่งผลเชิงจิตวิทยาให้แฟนบอลไทยวาดวิมานสวยหรูถึงขั้นสร้างประวัติศาสตร์ไปอวดฝีเท้าในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย

การออกสตาร์ต 4 เกมแรก จากทั้งหมด 10 เกมเหย้า-เยือนของขุนพลนักเตะแดนสยามด้วยผลงานพ่ายแพ้รวดทั้ง 4 นัด ยิงได้ 1 เสีย 10 ประตู ไม่มีแต้มและรั้งบ๊วยในกลุ่มบี ของการคัดเลือก บ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่า ทีมฟุตบอลไทยยังไม่ถึงขั้นระดับท็อปของเอเชียในเร็วๆ นี้หรอก ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการวางโครงสร้างการพัฒนาทีมฟุตบอลไทยซึ่งเป็นการบ้านใหญ่ของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การนำของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่จะต้องไปหาวิธีการวางโครงสร้างในระยะยาว

Advertisement

4 เกมแรกของทีมฟุตบอล “ช้างศึก” นัดแรกบุกพ่าย ซาอุดีอาระเบีย 0-1 นัดที่สอง เปิดบ้านโดน ญี่ปุ่น บุกมาอัด 2-0 นัดที่สามบุกไปพ่าย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 1-3 นัดที่สี่บุกไปพ่าย อิรัก แบบหมดรูป 0-4 โดยทีมชาติไทยมีโปรแกรมลงเตะนัดที่ 5 เปิดบ้านราชมังคลากีฬาสถาน รับมือมหาอำนาจใหญ่อย่าง ออสเตรเลีย ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้

การที่ทีม “ช้างศึก” ยังควานหาแต้มแรกไม่เจอสร้างแรงกระเพื่อมในกลุ่มแฟนบอลไทยทั้งพันธุ์แท้และขาจร พอสมควร บ้างออกมาแสดงความคิดเห็นโจมตีการทำงาน บ้างออกมาไล่โค้ช บ้างออกมาเรียกร้องให้ยกเครื่องนักเตะใหม่ ไม่เอานักเตะบางคนติดทีม

1

Advertisement

ตอนนี้ “ซิโก้” คงกดดันไม่น้อยจากฟอร์มการเล่น และผลงานที่ออกมาของลูกทีม ครั้งจะไปหวังว่าลูกทีมจะโชว์ฟอร์มแจ่มระดับพระเอกเหมือนตอนคว้าแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่พม่า, ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์ และคว้าแชมป์ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014” คงยากพอๆ กับเข็นครกขึ้นภูเขา

เพราะนี่มันเป็นเวทีระดับท็อปของเอเชีย ไม่ใช่อาเซียนอีกต่อไปแล้ว แฟนบอลเองก็ต้องหัดยอมรับ และเปิดใจให้กว้างในการดูและเชียร์ทีมชาติไทย เจอของจริง เจอของแข็ง เจอตัวท็อปของเอเชียอย่างนี้ก็ดีในอีกมุมหนึ่ง

เราจะได้รู้ว่า ณ ปัจจุบันเราอยู่ระดับไหนโดยไม่ต้องหลอกตัวเองกันอีกต่อไป…

“ซิโก้” ไม่ได้ทำอะไรผิดมากมายในเรื่องของการวางแทคติคต่อกรกับซาอุดีอาระเบีย, ญี่ปุ่น, ยูเออี และอิรัก แต่มาตรฐานฟุตบอล มาตรฐานผู้เล่น ประสบการณ์ของนักเตะไทยต่างหากที่เป็นรอง

จะมีขัดหูขัดตาแฟนบอลอยู่บ้างก็แค่การจัดตัวลงสนามของผู้เล่นในบางตำแหน่งที่แฟนบอลดูแล้วยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง “ซิโก้” จัดทีมลงสนาม 4 เกมแรกแบบกล้าๆ กลัวๆ ยังไม่ไว้ใจลูกทีมสำรองบางคน จึงออกมาอย่างที่เห็น ตัวผู้เล่นชุดเดิม เหมือนเดิม คู่แข่งรู้ทางหมดแล้ว ว่า 11 คนแรกของ “ซิโก้” จะมีใครกันบ้าง จะเล่นแบบไหน ใครเป็นตัวเดินเกมแดนกลาง คู่แข่ง, แฟนบอล รวมถึงสื่อมวลชนหลับตาก็นึกภาพออกว่า “ซิโก้” จะเล่นสูตรไหน อย่างไร

อย่าไปหวังว่า “ช้างศึก” จะต่อบอล “ติ๊กต๊อกสไตล์” จุดขายของ “ซิโก้” อย่างที่เห็นในระดับอาเซียน เพราะนี่มันอีกระดับหนึ่ง อีกมาตรฐานหนึ่ง

หาก “ช้างศึก” จะควานหาชัยชนะในเกมระดับท็อปของเอเชียแบบนี้ ทุกคนในทีมต้องอยู่ในจุดสูงสุดพร้อมๆ กัน ต้องเค้นฟอร์มเก่งออกมาพร้อมๆ กัน

บางที “ซิโก้” อาจต้องเปลี่ยนความคิดเดิมๆ บ้าง กล้าได้กล้าเสียบ้าง ผู้เล่นอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ตำแหน่งถนัดคือ มิดฟิลด์ตัวรับ หากได้ขึ้นมายืนทำหน้าที่ที่ถนัดอาจมีประโยชน์กับทีมกว่าถูกถอยไปยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ตัวริมเส้นอย่าง “จ่าเย็น” มงคล ทศไกร ไม่ใช่สไตล์พลิ้วไปถึงเส้นหลังใครๆ ก็เห็นกันมาตลอด แต่ “จ่าเย็น” มีดีที่ความขยัน ยืนถูกตำแหน่งตลอด

แค่เปลี่ยนความคิด แค่เปิดใจ ลองของใหม่กันบ้าง จะเป็นไรไป เพราะถึงนาทีนี้เส้นทางฟุตบอลโลก 2018 ของทีมชาติไทยแทบจะสิ้นหวังไปแล้ว ต้องไปรออีก 4 ปีข้างหน้าในฟุตบอลโลก 2022

ในเชิงการบริหารของทีมงานแต่ละสโมสร รวมถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็เช่นกัน ต้องช่วยกันในการ “ส่งออก” นักเตะไทยไปค้าแข้งในต่างประเทศให้มากขึ้นเพื่อสร้างกระดูก ต้องสร้างขึ้นมาตั้งแต่ทีมเยาวชนกระทั่งชุดใหญ่เหมือนที่ประเทศมหาอำนาจในเอเชียอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ทำกันอยู่

บางทีเราต้องหัดยอมรับความจริง ปรับทัศนคติ และลงมือทำงานเพื่อหวังผลระยะยาว

หากไม่เริ่มทำวันนี้ ก็อย่าเพิ่งไปหวังอะไรเกินตัว…!!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image