รู้จักยอดกุนซือวัยโจ๋ ‘ยูเลียน นาเกลส์มันน์’

ช่วงนี้นอกเหนือจากการขับเคี่ยวของเหล่าทีมดังใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งมีกุนซือระดับเอ-ลิสต์คุมสารพัดสโมสรแล้ว สื่อลูกหนังของยุโรปกำลังให้ความสนใจในลีก บุนเดสลีก้า ของเยอรมนี กับการแจ้งเกิดเต็มตัวของกุนซือหนุ่ม ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ของทีม ฮอฟเฟ่นไฮม์ ไม่น้อยเช่นกัน

ณ เวลานี้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ซึ่งไม่มีสตาร์ดังในทีมนับตั้งแต่ โรเบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ย้ายไป ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2015 สามารถไต่อันดับขึ้นไปถึงอันดับ 3 ของตาราง ทั้งที่นาเกลส์มันน์ โค้ชของทีมมีอายุเพียง 29 ปี และก่อนหน้ามารับงานนี้ก็ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมระดับลีกชั้นนำของยุโรปมาก่อน

ผู้เล่นฮอฟเฟ่นไฮม์ก็ถือว่าเป็นคนหนุ่มไม่ต่างจากกุนซือ เนื่องจากสมาชิกในทีมตอนนี้มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่อายุมากกว่านาเกลส์มันน์ นั่นคือ อเล็กซานเดอร์ สโตลซ์ นายทวารมือ 2 วัย 33 ปี, ยูเจน โปลันสกี้ กองกลางชาวโปแลนด์วัย 30 ปี และ เปียร์มิน ชเวกเลอร์ กองกลางชาวสวิสที่อายุแก่กว่า 136 วัน

การพาทีมยังบลัดมาถึงจุดนี้ทั้งที่ตัวเองยังด้อยทั้งวัยวุฒิและประสบการณ์ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนในวงการลูกหนังเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่บางคนตั้งฉายาให้เขาว่า “มินิมูรินโญ่” โดยเปรียบเทียบว่า นาเกลส์มันน์ให้ความรู้สึกเหมือน โจเซ่ มูรินโญ่ สมัยเริ่มสร้างชื่อไม่ผิดเพี้ยน

Advertisement

วันนี้เราจึงถือโอกาสนำข้อมูลเกี่ยวกับกุนซือหนุ่มอนาคตไกลมาแนะนำให้แฟนกีฬาได้รู้จัก เพราะเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ชื่อของ “ยูเลียน นาเกลส์มันน์” จะเป็นที่รู้จักมากกว่านี้แน่นอน

นาเกลส์มันน์อายุเท่าไร?

นาเกลส์มันน์เกิดที่เมืองลันด์เบิร์ก อัม เล็ค ใกล้ๆ เมืองมิวนิก เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ปี 1987 ซึ่งตอนที่ฮอฟเฟ่นไฮม์แถลงเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมปี 2015 ว่า จะแต่งตั้งกุนซือหนุ่มเป็นโค้ชคนใหม่ในฤดูกาล 2016-17 ตอนนั้นเขาเพิ่งมีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น กลายเป็นโค้ชอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีก้าในทันที

Advertisement

เขาเคยเล่นให้ทีมไหน?

นาเกลส์มันน์เริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลในฐานะกองหลังทีมเยาวชน เอาก์สบวร์ก ก่อนย้ายไป 1860 มิวนิก ตอนอายุ 15 ปี อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยขยับขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ เนื่องจากปัญหาเจ็บเข่าเรื้อรังทำให้เจ้าตัวต้องตัดสินใจแขวนสตั๊ดขณะอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น

ทำไมถึงได้มารับงานคุมทีมฮอฟเฟ่นไฮม์?

หลังจากต้องล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักเตะอาชีพ นาเกลส์มันน์ก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ก่อนจะเบนเข็มไปเรียนโค้ช

พอได้ใบอนุญาตมาแล้ว ก็เริ่มต้นจากการดูแลนักเตะเยาวชนให้กับต้นสังกัดเก่าอย่างเอาก์สบวร์กและ 1860 มิวนิก ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับทีมเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ของฮอฟเฟ่นไฮม์ในปี 2010 แล้วขยับไปดูแลทีมอายุไม่เกิน 19 ปี ขณะที่เจ้าตัวอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น

ต่อมาในปี 2014 นาเกลส์มันน์เรียกเสียงฮือฮาด้วยการพาแข้งเด็กฮอฟเฟ่นไฮม์คว้าแชมป์ระดับประเทศมาครอง และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งในปีถัดมา

ความสำเร็จดังกล่าวไปเข้าตาทีมใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิก เข้าอย่างจัง ทั้งกุนซือ ณ เวลานั้น อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับประธานสโมสร คาร์ล ไฮน์ซ รุมเมนิกเก้ ต่างก็อยากได้ตัวนาเกลส์มันน์ไปคุมทีมเสือใต้ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี เพื่อปั้นเด็กป้อนทีมใหญ่

แต่กุนซือหนุ่มยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่กับฮอฟเฟ่นไฮม์ต่อไป ในที่สุดผู้บริหารทีมจึงมอบโอกาสครั้งสำคัญ ประกาศแต่งตั้งเขาล่วงหน้าเพื่อให้เตรียมตัวสำหรับฤดูกาล 2016-17

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างกลับมาถึงมือเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจาก ฮับส์ สตีเว่นส์ โค้ชชั่วคราวของฮอฟเฟ่นไฮม์จำต้องถอนตัวจากหน้าที่ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ นาเกลส์มันน์จึงต้องเข้าไปกุมบังเหียนทีมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่ทีมรั้งอันดับ 17 ของตาราง มีเพียง 14 คะแนน จาก 20 นัด สุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น

ผลงานการคุมทีมจนถึงปัจจุบันเป็นอย่างไร?

ภารกิจแรกของนาเกลส์มันส์คือการพาทีมหนีตกชั้นให้ได้ ซึ่งถือเป็นงานโหดหินอย่างยิ่งเนื่องจาก ณ เวลานั้น ฮอฟเฟ่นไฮม์คว้าชัยในเกมลีกได้เพียง 2 นัด และมีแต้มตามหลังทีมที่จะได้สิทธิเพลย์ออฟหนีตกชั้นถึง 5 คะแนน

แต่กุนซือหนุ่มก็ทำในสิ่งที่เหลือเชื่อ ด้วยการพาทีมเก็บชัยชนะ 7 นัด จาก 14 นัดหลังสุด ทำแต้มรวม 23 คะแนน ทะยานหนีโซนตกชั้นได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องลุ้นเพลย์ออฟด้วยซ้ำ

ส่วนเกมลีกฤดูกาลนี้ เตะไปแล้ว 10 นัด ฮอฟเฟ่นไฮม์ชนะ 5 เสมอ 5 และยังไม่แพ้ใคร มี 20 คะแนน รั้งอันดับ 3 ของตาราง โดยหนึ่งในผลงานน่าประทับใจคือการเสมอบาเยิร์น แชมป์เก่า 1-1

Football Soccer - TSG 1899 Hoffenheim v Hertha BSC Berlin - German Bundesliga

นาเกลส์มันน์มีสไตล์การทำทีมอย่างไร?

กุนซือหนุ่มได้รับการยกย่องว่าเป็นจอมแทคติคคนหนึ่งของวงการ โดยจะใช้วิธีศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด หนึ่งในจำนวนนี้เป็นแนวคิดที่ถือว่า “ปฏิวัติ” วงการอยู่ไม่น้อย นั่นคือการเก็บข้อมูลว่านักเตะแต่ละคนใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะได้บอลแต่ละครั้ง นำไปสู่การวางแผนการเล่นที่เหมาะสมกับผู้เล่น

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวย้ำเสมอว่า หลักการทำหน้าที่โค้ชของเขานั้น ให้ความสำคัญกับแทคติค 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

“นักเตะแต่ละคนจะมีลูกฮึดหรือแรงบันดาลใจในการเล่นแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นเวลาจะปลุกใจหรือจูงใจให้แต่ละคนดึงศักยภาพออกมา ก็ต้องเลือกวิธีการที่เหมาะกับคนนั้นๆ ถ้ารู้จักใช้จิตวิทยาอย่างถูกต้องแล้ว นักเตะก็จะเล่นได้ตามแผนที่วางไว้เอง”

นั่นคือปรัชญาการทำทีมสไตล์กุนซือวัยรุ่นและทีมคนหนุ่มของเขาซึ่งกำลังเขย่าวงการลูกหนังเมืองเบียร์อยู่ในขณะนี้

Football Soccer - Bayern Munich v TSG Hoffenheim

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image