แฟนๆ และผู้เกี่ยวข้องในวงการแข่งรถต่างพากันช็อกไปตามๆ กัน หลังจากนิโก้ รอสเบิร์ก แชมป์ฟอร์มูล่าวันฤดูกาลล่าสุดของเมอร์เซเดส ประกาศอำลาวงการอย่างกะทันหัน เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า ได้ทำเป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จแล้ว นั่นคือการคว้าตำแหน่งแชมป์โลก หลังจากนี้จะได้ทำหน้าที่อื่นบ้าง นั่นคือการเป็นพ่อและสามีที่ดีของลูกๆ และภรรยา แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากก็ตาม นับเป็นนักแข่งคนแรกในรอบ 23 ปีที่อำลาวงการขณะครองตำแหน่งแชมป์โลกฤดูกาลล่าสุด ต่อจากอแล็ง พรอสต์ ตำนานนักซิ่งชาวฝรั่งเศส เมื่อปี 1993
ทันทีที่ข่าวดังกล่าวกระจายออกไป บรรดานักแข่งเอฟวันทั้งอดีตและปัจจุบันต่างออกมาแสดงความคิดเห็น โดยลูอิส แฮมิลตัน อดีตแชมป์โลก 3 สมัย เพื่อนร่วมทีมของรอสเบิร์กซึ่งคว้าตำแหน่งรองแชมป์ในปีนี้ กล่าวว่า รู้จักกับรอสเบิร์กตั้งแต่สมัยขับโกคาร์ทตอนอายุ 13 และคุยกันเรื่องความฝันที่จะคว้าตำแหน่งแชมป์โลกฟอร์มูล่าวันเสมอ หลังจากนี้คงเป็นความรู้สึกที่แปลกและเศร้ามากๆ ที่จะไม่มีเขาอยู่ในทีมแล้วตั้งแต่ปีหน้า วงการนี้คงต้องคิดถึงเขามาก และขออวยพรให้เขาโชคดี
ส่วนดามอน ฮิลล์ อดีตแชมป์เอฟวันชาวอังกฤษ ทวีตว่า รอสเบิร์กคิดถูกแล้ว เพราะชีวิตนี้มีอะไรสำคัญกว่าการขับรถไล่กันในสนามมาก ส่วนนิโก้ ฮัลเกนเบิร์ก ของทีมฟอร์ซ อินเดีย บอกว่าขออวยพรให้รอสเบิร์กมีความสุขกับการปิ้งย่างบาร์บีคิวให้เต็มที่
ด้านโตโต้ วูล์ฟ ทีมบอสของเมอร์เซเดส ยอมรับว่า เป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน ถือเป็นการตัดสินใจอย่างกล้าหาญของรอสเบิร์กที่สะท้อนให้เห็นตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี เพราะเลือกที่จะเดินจากไปตอนที่อยู่บนจุดสูงสุดของวงการ นั่นคือการทำฝันวัยเด็กให้เป็นจริงกับการครองตำแหน่งแชมป์โลก
สำหรับรอสเบิร์กวัย 31 ปี เป็นลูกชายของเกเก้ รอสเบิร์ก อดีตแชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน ปี 1982 เริ่มขับรถโกคาร์ทตอนอายุ 6 ขวบ และขยับไปขับฟอร์มูล่า บีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ ของเยอรมนี และคว้าแชมป์ในปี 2002 ก่อนจะเปลี่ยนไปขับฟอร์มูล่าทรี แล้วจึงได้เลื่อนระดับสู่เอฟวันกับทีมวิลเลียมส์ และย้ายไปสังกัดเมอร์เซเดสในปี 2010 ทำสถิติแข่งกรังด์ปรีซ์ 206 รายการ คว้าแชมป์ 23 ครั้ง และได้ขึ้นโพเดียม 57 ครั้ง
สำหรับนักขับใหม่ที่เมอร์เซเดสต้องเร่งหามาแทนรอสเบิร์กนั้น นอกเหนือจากปาสคาล วาห์ไลน์ นักขับในโครงการของทีมแล้ว ยังมีชื่อของนักขับดังอีกหลายราย โดยเฉพาะเฟร์นานโด อลอนโซ่ ของแม็คลาเรน และเซบาสเตียน เว็ตเทล ของเฟอร์รารี่ แต่ทั้งคู่ต่างมีสัญญากับต้นสังกัดถึงปีหน้า
