‘ซิโก้’สั่ง’ช้างศึก’ห้ามประมาท’พม่า’จัดชุดใหญ่หวังเปิดบ้านย้ำแค้น8ธ.ค.ลั่นทะยานชิง’ซูซูกิ คัพ’

ความเคลื่อนไหว “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016” รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่เมืองย่างกุ้ง ด้วยการชนะ เมียนมา 2-0 จาก “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ทั้ง 2 ลูก เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยนัดที่ 2 จะหวดกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 19.00 น. ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 5ธันวาคม “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ช นำนักเตะซ้อมเบาๆ บริเวณที่พัก โรงแรมโรสการ์เดน กลุ่มที่ลงสนาม ให้คลายกล้ามเนื้อลงสระน้ำ ส่วนที่เหลือวิ่งในรูปแบบต่างๆ จากนั้นจึงเดินทางจากเมืองย่างกุ้ง ถึงท่าอากาศยานานาชาติสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 302 และเข้าพักที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัลด์

“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า ทีมไทยยังต้องการชัยชนะในนัด 2 ดังนั้นจะจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดแน่นอน และได้ย้ำว่าประมาทไม่ได้ ทุกคนต้องมุ่งมั่นเหมือนเดิม เนื่องจากเคยมีบทเรียนมาแล้ว เมื่อรอบชิงชนะเลิศ 2 ปีก่อน ชนะ มาเลเซีย ก่อน 2-0 พอนัด 2 ไปโดนยิงนำ 3 ลูก ยังดีที่กลับมาคว้าแชมป์ ถึงเวลานี้ ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ที่จะเข้ารอบชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ ดังนั้นต้องมุ่งมั่นต่อไป โดยยังไม่ปล่อยนักเตะ และจะซ้อมที่กรุงเทพต่อทันที ในวันที่ 6-7 ธันวาคม ก่อนแข่งวันที่ 8 ธันวาคม

“จากนัดแรก ไทยยังต้องปรับเรื่องความเฉียบขาดอยู่บ้าง แม้จริงๆแล้ว ในเกมฟุตบอลไม่มีอะไรง่าย ส่วนเมียนมาเองก็จะมาเจอแรงกดดัน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานบ้าง ขณะเดียวกัน ตนเชื่อว่า ธีรศิลป์ ที่ยิงไปแล้ว 5 ลูก ยังสามารถระเบิดฟอร์มได้ดีกว่านี้อีก” ซิโก้ กล่าว

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย มีโอกาสสร้างสถิติหลายอย่าง โดยตอนนี้ คว้าแชมป์ไปแล้ว 4 สมัย สูงสุดเท่ากับ สิงคโปร์ หากสามารถได้แชมป์อีก จะได้เป็นสมัยที่ 5 ครองสถิติสูงสุดชาติเดียว

Advertisement

ขณะเดียวกัน การแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน ตลอด 10 ครั้งที่ผ่านมา มีเพียงครั้งเดียวที่ทีมแชมป์ชนะรวดทุกนัดคือ นั่นคือในปี ค.ศ.2000 ซึ่งก็คือทีมชาติไทยนี้เอง โดยชนะรวด 5 นัด จากการเป็นเจ้าภาพเอง โดยหนนั้นยังจัดแบบมีเจ้าภาพชาติเดียว อย่างไรก็ตาม หากนับตั้งแต่พลิกโฉมรูปแบบในการจัดครั้งที่ 4 ปี ค.ศ. 2002 ซึ่งเปลี่ยนเป็นรอบแรกแบ่งเจ้าภาพ 2 ประเทศ และรองรองฯ กับ รอบชิงฯ เตะระบบเหย้า-เยือน นั้น ยังไม่มีทีมแชมป์ที่ชนะรวดทุกนัดเลยแม้แต่ทีมเดียว ดังนั้นในหนนี้ ทีมไทยซึ่งรอบแรก ชนะรวด 3 นัด และรอบตัดเชือกนัดแรก ชนะ เมียนมา 2-0 ทำให้ ช้างศึก ยังมีสิทธิสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่ชนะแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการจัดรูปแบบใหม่

นอกจากนี้ ในส่วนของตัวบุคคล “กัปตันมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ก็มีโอกาสสร้างหลายสถิติ โดยในปีนี้ เขายิงไปแล้ว 5 ประตู นำดาวซัลโว เหนือ โบอาส โซลอสซา จากอินโดนีเซีย ที่ยิงไป 3 ประตู หาก ดาวยิงเอสซีจี เมืองทองฯ ครองดาวยิงสูงสุด จะทำให้เขาได้ดาวซัลโวรายการนี้มากครั้งสุดเป็นหนที่ 3 หลังจากได้ไปเมื่อปี 2008 (ดาวซัลโวร่วม-4 ประตู) และ ปี 2012 (5 ประตู) นอกจากนี้ในการยิงรวมในฟุตบอลเอเอฟเอฟแชมเปี้ยนชิพ ธีรศิลป์ ซัดไปแล้วทั้งหมด 14 ลูก จี้ติด นักเตะไทยที่ยิงในรายการนี้สูงสุด วรวุธ ศรีมะฆะ 15 ลูก ส่วนผู้ที่ยิงรวมมากสุดคือ นอห์ อลัม ชาห์ ของสิงคโปร์ 17 ลูก

ส่วน รอบรองชนะเลิศ นัด 2 อีกคู่ เวียดนาม จะเตะกับ อินโดนีเซีย วันที่ 7 ธ.ค.นี้ ที่กรุงฮานอย โดยนัดแรก อิเหนา ชนะมาก่อน 2-1

Advertisement

IMG_20161205_174030

IMG_20161205_174202

IMG_20161205_174354

IMG_20161205_174436

IMG_20161205_174529

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image