เซ็ปป์ แบล๊ตเตอร์ อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่ถูกคณะกรรมการอิสระด้านจริยธรรม ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยองค์กรตัวเอง ลงโทษแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลทุกระดับชั้นเป็นเวลา 6 ปี จากข้อหาจ่ายเงินสินบนให้มิเชล พลาตินี่ อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) แบบไม่โปร่งใส สมัยที่ทั้งคู่ยังดำรงตำแหน่งใหญ่โตนั้น
ล่าสุด แบล๊ตเตอร์ในวัย 80 ปี และทำงานใน “ฟีฟ่า” นาน 41 ปี โดย 17 ปีในนั้นระหว่างปี 1998-2015 เป็นถึงประธานฟีฟ่า ที่ก่อนหน้านี้ยืนยันว่า จะต่อสู้กับคดีนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ด้วยการยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (ซีเอเอส) เพื่อยกเลิกโทษดังกล่าว ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะไม่สู้คดีอีกต่อไป หลัง “ซีเอเอส” มีคำตัดสินปฏิเสธการอุทธรณ์เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม
แบล๊ตเตอร์ และพลาตินี่ ถูกคณะกรรมการด้านจริยธรรมฟีฟ่า ลงโทษแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอล 8 ปี ช่วงปลายปี 2015 จากคดีที่แบล๊ตเตอร์เคยให้เงินจำนวน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (70 ล้านบาท / อัตรา 1 ดอลลาร์สหรัฐ 35 บาท) แก่พลาตินี่ช่วงต้นปี 2011 หรือสมัยทั้งสองคนยังทำหน้าที่นายใหญ่ฟีฟ่า และยูฟ่า
โดยแบล๊ตเตอร์อ้างว่าเป็นเงินค่าจ้างย้อนหลัง เมื่อครั้งพลาตินี่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ฟีฟ่าระหว่างปี 1998-2002 แต่โดนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมจ่ายค่าจ้างช้าถึง 9 ปี ก่อนคณะกรรมการด้านจริยธรรมฟีฟ่าจะลดโทษแบนจาก 8 ปี เหลือ 6 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 แต่ทั้งคู่ยังสู้คดีเรื่อยมา
ก่อนพลาตินี่เป็นคนแรกที่ไม่สู้คดี หลังซีเอเอสที่รับเรื่องอุทธรณ์ พิจารณาแค่การลดโทษแบนจาก 6 ปี เหลือ 4 ปี จนเจ้าของฉายา “นโปเลียนลูกหนัง” และอดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส วัย 61 ปี ยอมรับคำตัดสิน และประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานยูฟ่า ก่อนศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2016” รอบสุดท้าย จะเริ่มขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส เพียง 1 เดือน
ส่วนกรณีแบล๊ตเตอร์ ทางซีเอเอสแถลงการณ์ว่า เงิน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่แบล๊ตเตอร์จ่ายให้พลาตินี่ เป็นการจ่ายให้แบบไม่เหมาะสม และไม่มีอยู่ในสัญญา
