ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2016-17 นัดที่ 17 จากทั้งหมด 38 นัด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เป็นเกม “เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้” ครั้งที่ 227 ระหว่าง “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน เปิดรังกูดิสันปาร์ก พบ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ปรากฏว่า ลิเวอร์พูลบุกเฉือนชนะในช่วงทดเวลาเจ็บนาทีที่ 4 จากจังหวะที่ซาดิโอ มาเน่ ซ้ำลูกยิงชนเสาของแดเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าตัวสำรองเพื่อนร่วมทีม
ส่งผลให้ทีมหงส์แดงคว้าชัยในลีก 2 นัดติด แก้ตัวจากการเก็บได้แค่คะแนนเดียวจาก 2 นัดก่อนหน้านี้ และมีสถิติชนะ 11 เสมอ 4 แพ้ 2 ยิงได้ 41 ประตู เสีย 20 ประตู มี 37 คะแนนจาก 17 นัด อยู่อันดับ 2 ของตารางคะแนน แต่ยังตามเชลซี “จ่าฝูง” ที่แข่งเท่ากันอยู่ 6 คะแนนเหมือนเดิม ส่วนเอฟเวอร์ตันไร้ชัยเกมลีกเป็นนัดที่ 6 จาก 7 นัดหลังสุด มีสถิติชนะ 6 เสมอ 5 แพ้ 6 ได้ 21 เสีย 21 มี 23 คะแนน อยู่อันดับ 9
จบเกม เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูลที่เพิ่งทำหน้าที่นายใหญ่ในถิ่นแอนฟิลด์แค่ปีเศษ หรือนับจากเดือนตุลาคมปีก่อน แต่กำลังจะพาทีมมีลุ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1990 ยืนยันว่าพอใจกับผลงานในลีก ณ เวลานี้ แม้จะตามหลังเชลซีถึง 6 คะแนนก็ตาม หลังทีมมีอยู่ 37 คะแนน และอันที่จริงน่าจะมีถึง 40 คะแนนด้วยซ้ำ ถ้าไม่พลาดทำแต้มหล่น 5 คะแนนในเกมนำทั้งบอร์นมัธ และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่กลับแพ้ และเสมอตามลำดับ
ส่วนการเล่นกับเอฟเวอร์ตัน อดีตกุนซือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ วัย 49 ปียอมรับว่า เป็นเกมที่บ้าคลั่งมาก เพราะเอฟเวอร์ตันไล่บี้ลิเวอร์พูลตลอดครึ่งแรก และลูกทีมของตัวเองน่าจะแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้ แต่อย่างที่บอกไปว่ามันเป็นเกมที่ดุเดือด และการเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นเรื่องยากอีกด้วย รวมทั้งมั่นใจว่า ลิเวอร์พูลจะทำได้ดีกว่านี้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ คล็อปป์ยังกล่าวถึงจังหวะที่รอส บาร์กลีย์ มิดฟิลด์เอฟเวอร์ตัน เสียบไปที่ข้อเท้าของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูลแบบน่าเกลียดในช่วง 22 นาทีสุดท้าย แต่ไมก์ ดีน ผู้ตัดสินกลับให้แค่ใบเหลืองว่า บาร์กลีย์โชคดีที่ไม่โดนไล่ออก และเฮนเดอร์สันก็โชคดีที่ไม่ได้เจ็บหนักเช่นกัน
