พาทิศ เผยไทยส่อโดนแบนจัดศึกฟาดแข้ง หลังทำผิดปมจุดพลุซ้ำซาก!
หลังจากที่ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) มีคำสั่งปรับเงิน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จำนวน 70,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.4 ล้านบาท จากการที่มีแฟนบอลกลุ่มหนึ่งทำผิดระเบียบ โดยการจุดพลุ ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลชายหาด ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 16-26 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า สมาคมพยายามหาวิธีป้องกันการที่แฟนบอลจุดพลุ แต่ต้องยอมรับว่ารูปแบบการลักลอบนำพลุเข้ามาหลากหลายมาก เช่น ตอนศึกชิงแชมป์อาเซียนล่าสุด แอบไปจุดใต้ผ้าผืนใหญ่ พอจะเข้าชาร์จก็อ้างว่าถูกทำร้าย ส่วนเรื่องการตรวจก่อนเข้านั้น มีอยู่แล้ว อุปกรณ์เชียร์ต่างๆ จะต้องตรวจก่อน แล้วห้ามนำออก แต่วิธีลักลอบนำเข้าหลากหลายจริงๆ เช่น ให้ไปเบียดตรงประตูทางเข้าทีละเยอะๆ แล้วก็ผลักเข้ามาเลย ขณะที่ สมาคมใช้วิธีส่งคนแต่งชุดคล้ายกลุ่มที่ชอบจุดพลุ ไปปะปนในกลุ่มกองเชียร์ก็ทำมาแล้ว
เลขาโจ กล่าวอีกว่า สำหรับโทษจากเอเอฟซีนั้น จะนับรวมหมด ทั้งจากฟุตบอลสนามใหญ่มาฟุตบอลชายหาด ความผิดกรณีเดียวกัน โทษก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ที่โดนลงโทษเรื่องจุดพลุมาแล้วหลายครั้ง ต้องถือว่าไทยใกล้เคียงต่อการโดนแบนห้ามจัดแข่งขันที่สุดแล้ว หากฟุตบอลอายุไม่เกิน 17 ปี ชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน-2 กรกฎาคมนี้ มีจุดพลุอีก ก็มีโอกาสสุงจะโดนลงโทษถึงขั้นห้ามจัดแข่งขัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีล่าสุดของโทษลักษณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพิ่งโดน สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ปรับเงิน 20,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.8 ล้านบาท กรณีมีแฟนบอลจุดพลุในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 ในเกมที่ ทีมชาติไทย ถล่ม ฟิลิปปินส์ 4-0
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ‘เอเอฟซี’ ปรับไทย 2.4 ล้านบาทจุดพลุในศึกบอลชายหาด ‘บิ๊กป๋อม’ ติงหยุดซะหวั่นไทยชวดเจ้าภาพในอนาคต
