กรีฑาเนื้อเต้นเจอช้างเผือกร่างใหญ่-ดึงเข้าแคมป์ฟิต4ปีลุย’โตเกียวเกมส์’

"แฝดใหญ่" พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล

“แฝดใหญ่” พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล เลขาธิการสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า หลังจากสมาคมจัดกรีฑา “อิเดมิตสึ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2016” ซึ่งเป็นการแข่งขันวิ่งระยะสั้นระยะ 100 เมตร และ 400 เมตร ผ่านไปแล้ว 2 สนามคือ ที่สนามศุภชลาศัย กรุงเทพฯ และที่สนามกีฬาจังหวัดพิษณุโลก สมาคมได้พบนักกรีฑาที่มีความสูงประมาณ 189-191 เซนติเมตรหลายคนที่ถือว่ามีโครงสร้างดีมาก ในอนาคตสมาคมจะนำนักกรีฑากลุ่มนี้เข้าโครงการเตรียมนักกรีฑา 4 ปีเพื่อโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามกรีฑา “อิเดมิตสึ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2016” ยังเหลือการชิงชัยอีก 2 สนามคือ ระหว่างวันที่ 7-8 มกราคม ที่สนามกีฬา อบจ.ขอนแก่น และระหว่างวันที่ 28-29 มกราคม ที่สนามกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมาคมคาดหวังว่าจะได้เห็นนักกรีฑาที่มีโครงสร้างดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่ง 2 สนามสุดท้ายจะเข้มข้นมาก สมาคมน่าจะได้จากภาคอีสาน และภาคใต้เข้ามาเสริมทีมแน่นอน

พล.ต.ต.สุรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า เราได้เห็นโครงสร้างของเด็กใหม่ ไม่ใช่แค่ 160-170 เซนติเมตรเหมือนเดิมแล้ว แต่เป็น 189-191 เซนติเมตร เนื่องจากเราดูแข่งโอลิมปิกเกมส์ รอบชิงชนะเลิศ ญี่ปุ่นกับจีนตัวใหญ่หมดเลย เราเลยเพิ่มแนวทางทำเด็กตัวโตที่มีความสามารถ ตอนนี้กำลังติดต่อโค้ช ผู้เชี่ยวชาญทั้งเรื่องเทคนิค และวิทยาศาสตร์การกีฬา ทุกอย่างต้องไปพร้อมกัน เรื่องไหนที่บ้านเรายังไม่เด่นพอเท่ากับญี่ปุ่น และจีน อันไหนที่ยังขาดอยู่ เราจะเสริมจากต่างประเทศ พวกนี้เป็นความรู้ที่สามารถถ่ายทอดกันได้

พ่อบ้านสมาคมกรีฑาฯ กล่าวในตอนท้ายว่า แผนงานปี 2560 มีโปรแกรมเยอะมาก ทั้งการเป็นเจ้าภาพแข่งขัน และเตรียมนักกีฬา อาทิ สมาคมจะเป็นเจ้าภาพกรีฑา เอเชี่ยน ยูธ ช่วงเดือนพฤษภาคม และก่อนหน้านั้นจะส่งนักกรีฑาเข้าร่วม ซี ยูธ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งน่าจะจัดช่วงต้นเดือนเมษายน และรายการสำคัญที่จะพลาดไม่ได้อย่าง เอเชี่ยน กรังด์ปรีซ์ 2017 ปลายเดือนเมษายน จำนวน 3 สนามคือที่จีน 2 สนาม และไต้หวันอีก 1 สนาม โดยทุกรายการสมาคมจะเตรียมนักกีฬาให้พร้อมที่สุดเพื่อทำผลงานที่ดีที่สุดให้ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image