ไม่นิ่งนอนใจ! กกท.เร่งแก้ปัญหา งบเตรียมทัพพาราไทย คาดสัปดาห์หน้าพร้อมเบิกจ่าย
จากกรณีที่เหล่าทัพนักกีฬาพาราทีมชาติไทย และผู้ฝึกสอน ได้แชร์โพสต์ของ นายไมตรี คงเรือง เลขาธิการ และประชาสัมพันธ์ สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ระบุว่า ขณะนี้ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ยังไม่มีงบประมาณการเก็บตัว เพื่อเข้าแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม-8 กันยายน 2024 ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามเป้าหมายเหรียญทองที่ตั้งไว้
ขณะที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยังไม่อนุมัติโครงการ Road to Paris ที่เก็บตัวตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งจะครบ 3 เดือนแล้ว กระบวนการยังไม่เริ่มต้น ซึ่งไม่น่าจะติดขัดเช่นนี้ เพราะจำนวนนักกีฬาก็น้อยลง งบประมาณก็น้อยลง และปีนี้จะมีพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ปารีส ฝรั่งเศส เรื่องนี้คือกำลังใจ ที่จะถูกลดทอนให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้ โดยได้สอบถามอย่างละมุ่นละม่อม เพื่อให้การทำงานเป็นไปในบรรยากาศที่ดี เพราะระดับปฏิบัติการ ทั้ง กกท. และสมาคม ก็พยายามเต็มที่แล้ว ด้วยความเคารพ และรับใช้นักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ฝึกสอน กีฬาคนพิการของสมาคม ทุกๆ คน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อบอกกล่าวกันนั้น
ล่าสุด น.ส.ศมจรส มิ่งคำเลิศ โฆษกการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ออกมาชี้เเจงประเด็นนี้ว่า ขณะนี้ กกท.ได้ดำเนินการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจจะเป็นเรื่องขั้นตอนการดำเนินงานภายใน กกท. เนื่องจากต้องมีการอนุมัติปรับแผนงบประมาณ แผนปฎิบัติงานให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งอาจจะมีหลายขั้นตอนในการตรวจสอบแก้ไขรายละเอียด อาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ณ วันนี้ กกท.ได้ดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
โฆษก กกท. กล่าวอีกว่า ขั้นตอนต่อไป กกท.เร่งดำเนินการแจ้งแผนงาน แผนงบประมาณ ให้แต่ละสมาคมรับทราบต่อไป โดยสมาคมสามารถดำเนินการเตรียมเอกสารสำหรับส่งมายัง กกท.เพื่อรอเบิกได้เลย เพื่อความรวดเร็วยิ่งขึ้น เรื่องดังกล่าวนี้ หลังจากที่ กกท.ได้รับทราบประเด็นแล้ว เราต้องแสดงความรับผิดชอบ และไม่นิ่งนอนใจ ที่ทำให้เกิดความล่าช้าในเรื่องการเบิกจ่ายในครั้งนี้ ซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
“คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเริ่มดำเนินการเบิกจ่ายให้แต่ละสมาคมได้ กกท. เราพร้อมรับฟังปัญหา เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อไม่ให้กระทบกับแผนการฝึกซ้อม และแผนการแข่งขันของนักกีฬา เพราะ กกท.เราให้ความสำคัญกับนักกีฬาเป็นอันดับแรกเสมอ” น.ส.ศมจรส กล่าวปิดท้าย
