เจ้าภาพร่วมบอลโลก 2030 อัพเดตความพร้อมการจัดแข่งครบรอบ 100 ปี
คณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2030 จาก 3 ทวีปประกอบด้วย ยุโรป, แอฟริกา และอเมริกาใต้ แถลงความคืบหน้าการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพฯ โดยได้แถลงเกี่ยวกับแนวคิดต่างๆ ในการเป็นเจ้าภาพร่วมอีก 6 ปีข้างหน้า
ศึกฟุตบอลโลก 2030 จะเป็นการแข่งขันที่ครบรอบ 100 ปี โดยเมื่อ 1930 คือปฐทบทของทัวร์นาเมนต์นี้ จัดแข่งที่ประเทศอุรุกวัย และจะเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกจะจัดร่วมกัน 3 ทวีปคือ ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาใต้ โดยมีคติประจำการแข่งขันคือ “Yalla Vamos 2030” คำว่า “Yalla” เป็นภาษาอาหรับ และ “Vamos” คือภาษาสเปน ซึ่งมีความหมายเหมือนกันคือ “Let’s go”
อันโตนิโอ ลารันโย อัพเดตถึงการแข่งนัดเปิดสนามที่ทวีปอเมริกาใต้ ที่อาร์เจนตินา, ปารากวัย และอุรุกวัย ว่า เป็นห้วงเวลาของการฉลองครบรอบ 100 ปี ฟีฟ่าจึงตัดสินใจเพิ่มอีก 3 ประเทศเป็นเจ้าภาพร่วมในอเมริกาใต้ จะใช้จัดแข่ง 3 เกม และจะจัดแข่งก่อนประเทศเจ้าภาพอื่นๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อให้ทุกประเทศที่แข่งในอเมริกาใต้ มีเวลามากพอในการพักฟื้นร่างกาย และส่งผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งเรื่องของเวลา และสภาพอากาศ ก่อนที่จะแข่งเกมต่อไปในแอฟริกา หรือยุโรป
ฮอร์เก้ โมวิงค์เกล กล่าวในแง่ของการเรียนรู้วัฒนธรรมจากฟุตบอลที่จะไปสู่แฟนบอลทั่วโลกว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย 3 ประเทศ คือ โมร็อกโก, โปรตุเกส และสเปน ใกล้กันมาก ไม่มีปัญหาในเรื่องการเดินทางแน่นอน
“ในแต่ละประเทศจะมีสิ่งที่แตกต่างในแง่ของวัฒนธรรม แฟนๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก จะได้สัมผัสความเป็นเอกลักษณ์ ธรรมเนียม อาหาร วิถีชีวิต ของทั้ง 3 ประเทศ”
ส่วนเรื่องสนามแข่งที่สเปน และโปรตุเกส เตรียมปรับปรุงในหลายสนาม ขณะที่โมร็อกโกวางแผนสร้างสนามแห่งใหม่ความจุ 115,000 ที่นั่ง จะเสร็จในปี 2028 มูลค่า 490 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท
โมฮาเหม็ด เกสซุส อีกหนึ่งคณะกรรมการอัพเดพในเรื่องของสนามที่จะกลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการฟุตบอลว่า ฟุตบอลโลกหลายๆ ครั้ง เคยสร้างสนามใหม่ที่มีความจุใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรหลังจากนั้น ดังนั้นสนามกีฬาที่จะสร้างใหม่ ต้องมีความชัดเจนในเรื่องของการใช้งาน ต้องมีแผน และวัตถุประสงค์หลังจากจบฟุตบอลโลกไปแล้ว
“มันต้องเป็นการลงทุนอย่างคุ้มค่า และอยู่บนหลักเหตุผล เป็นการลงทุนอย่างชาญฉลาด เพื่อใช้สำหรับงานต่างๆ ในอนาคต ไม่ได้จบเพียงแค่ฟุตบอลโลกเท่านั้น”
นอกจาก โมร็อกโก, โปรตุเกส และสเปน แล้ว อุรุกวัย, อาร์เจนตินา และปารากวัย ได้เป็นเจ้าภาพร่วมด้วย โดยจะจัดแข่งเกมแรกของทั้ง 3 ประเทศเท่านั้น เป็นแนวคิดของ จานนี่ อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีฟุตบอลโลก ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1930 ในเมืองมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย