เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืนยันทำนองเดิมว่า เชลซีจ่าฝูงศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยากที่จะพลาดคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลนี้ แม้ล่าสุด ทีม “เรือใบสีฟ้า” ของเป๊ปจะเก็บชัยในลีก 3 นัดติด จนขึ้นทีเดียวจากอันดับ 5 ของตารางคะแนนมาเป็นรองจ่าฝูง ด้วยการมีคะแนนตามทีม “สิงห์บลู” ที่แข่ง 25 นัดเท่ากันอยู่ 8 คะแนน และเหลือการแข่งอีก 13 นัด
แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมเดียวจาก 6 อันดับแรกของตารางคะแนน ที่ลงแข่งเป็นทีมสุดท้ายในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 25 จากทั้งหมด 38 นัด กับบอร์นมัธ ในคืนวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ และก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นทีมอันดับ 3 แต่ทีมอันดับ 4 อย่างอาร์เซน่อล และทีมอันดับ 5 อย่างลิเวอร์พูล ที่ลงแข่งก่อน คว้าชัยได้พร้อมกันจนมีอันดับแซงขึ้นไป และทำให้แมนฯ ซิตี้ หล่นมาอยู่อันดับ 5 เหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่แค้นร่วมเมืองเพียงแต้มเดียว
อย่างไรก็ตาม หลังทีมเรือใบสีฟ้าบุกชนะบอร์นมัธ 2-0 จากการยิงของราฮีม สเตอร์ลิ่ง นาที 30 และสเตอร์ลิ่งยังเปิดบอลเข้ากลางประตู เป็นเหตุให้ไทโรน มิงส์ แนวรับตัวสำรองเจ้าถิ่นสกัดบอลเข้าประตูตัวเองช่วง 21 นาทีสุดท้าย ส่งผลให้แมนฯ ซิตี้มี 52 แต้มจาก 25 นัด แซงทั้งลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล และสเปอร์ส ขึ้นเป็นรองจ่าฝูง รวมทั้งลดช่องว่างที่ตามเชลซีก่อนแข่งนัดที่ 25 ของทุกทีมจากเดิม 10 แต้มเหลือ 8 แต้ม
แต่เมื่อเป๊ปถูกสื่อมวลชนถามหลังเกมว่า แมนฯ ซิตี้ ยังมีสิทธิแย่งแชมป์ลีกกับเชลซีหรือไม่ ซึ่งโค้ชวัย 46 ปี ที่เคยคุมบาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิก กวาดแชมป์รวมกันถึง 21 ครั้งภายในเวลาแค่ 7 ปี และเป็นกุนซือ 6 ทีมแรกคนแรกที่ยอมรับว่าทีมตัวเองหมดสิทธิลุ้นแชมป์ลีกช่วงก่อนหน้านี้ ยังย้ำคำเดิมว่าเป็นเรื่องยากที่จะลุ้นให้เชลซีที่นำพวกเขาอยู่ 8 แต้ม แพ้ 3 นัดจากเกมลีกที่เหลืออีก 13 นัด และแมนฯ ซิตี้ เองก็ต้องชนะใน 3 นัดที่เชลซีพลาดท่าเช่นกัน แถมการชนะทุกนัดในพรีเมียร์ลีกก็เป็นเรื่องยากอีกด้วย
เป๊ปยังเปรียบเทียบให้เห็นระหว่างช่องว่างทีมที่อยู่อันดับ 2-6 กับเชลซีให้เห็นภาพอีกว่า ก่อนเกมแมนฯ ซิตี้ จะไปเยือนบอร์นมัธ พวกเขายังอยู่อันดับ 5 แต่หลังจากนั้นพวกเขากลับพุ่งขึ้นไปอยู่อันดับ 2 นั่นหมายความว่าช่องว่างระหว่างคะแนนของทีมอันดับ 2-6 แทบไม่มีความหมาย เพราะทุกทีมพร้อมแซงกันได้ตลอดเวลา แต่กับเชลซีช่องว่างดังกล่าวยังคงห่าง และการนำโด่งถึง 8 แต้มในฟุตบอลลีกถือว่าเยอะมาก
