เทพนิยายเดนส์เวอร์ชั่นใหม่ เรื่องเล่าของคริสเตียน อีริกเซ่น
เดนมาร์กเคยสร้างเทพนิยายเดนส์ ด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 1992 มาแล้ว ซึ่งยังเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงมาจนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับเรื่องราวของ คริสเตียน อีริกเซ่น ที่เป็นเหมือนนิยายอีกบทประดับวงการลูกหนังโลก
14 มิถุนายน 2021 อีริกเซ่นเหมือนจะจากโลกนี้ไปแล้ว เพราะ มอร์เทน โบเซ่น แพทย์ประจำทีมชาติเดนมาร์กยืนยันว่าเขาหยุดหายใจไปในปาร์เกน สเตเดียม สังเวียนฟุตบอลในบ้านเกิด ในศึกยูโร 2020 ซึ่งวันนั้นเขาล้มลงไปนอนแน่นิ่งจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
คนทั้งโลกต่างงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนว่าโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ทีมแพทย์รีบเข้ามาเรียกมิดฟิลด์เชิงสูงให้ตื่นจากฝันร้าย เพื่อนร่วมทีมต่างยืนเป็นกำแพงเพื่อไม่ให้เห็นภาพของอีริกเซ่นที่โลกไม่ควรเห็น และกำแพงในวันนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา
ทั่วทั้งโลกเต็มไปเสียงปลุกให้อีริกเซ่นตื่น ไม่ว่าจะพวกเขาจะเกี่ยวข้องหรือรักฟุตบอลหรือไม่ แต่ทุกคนต่างหวังแบบเดียวกัน คือ ปาฏิหาริย์
ในที่สุดปาฏิหาริย์ก็มีจริง อีริกเซ่นตื่นขึ้นมา นี่คือข่าวดีที่สุดของวงการฟุตบอลในวันนั้น แต่น้อยคนจะเชื่อว่า คริสเตียน อีริกเซ่น จะกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีก
16 มิถุนายน 2024 อีริกเซ่นคนเดิม แต่มีเครื่องกระตุกหัวใจอยู่ในร่างกาย เดินเข้าไปบนผืนหญ้าของสตุ๊ทการ์ท อารีน่า เป็นเวลา 1,100 วัน หลังจากที่้เขาเคยเกือบจากโลกนี้ไปที่ปาร์เกน สเตเดียม
ที่สำคัญมิดฟิลด์วัย 32 ปี ยิงประตูสำคัญให้ทีมขึ้นนำสโลวีเนีย 1-0 ทำให้บรรยากาศที่สตุ๊ทการ์ท อารีน่า เต็มไปด้วยความชื่นมื่น ถ้าจะมีใครร้องไห้ ก็คงเป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปริ่ม ถึงแม้เกมนี้จะจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 แต่เกมนี้จะถูกจดจำ และอยู่ในใจใครอีกหลายคน โดยเฉพาะตัวอีริกเซ่นเอง
อีริกเซ่นบอกว่า รู้สึกมั่นใจเมื่อจะลงสนาม และรู้สึกมีความสุขที่ได้เล่นในเกมนี้ เพราะยูโรมีความพิเศษกับตัวเขาอยู่เสมอ ที่สำคัญเรื่องราวของตัวเขาในยูโรครั้งนี้กับครั้งก่อน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาไม่เคยยิงประตูในยูโรได้มาก่อนเลย ทำให้มีความสุขมากที่ได้ช่วยทีมด้วยการยิงประตู และเดนมาร์กมีโอกาสที่ดีที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปให้ได้
แฟนบอลโคนมต่างยินดีกับประตูแรกของอีริกเซ่นในยูโร ซึ่งก็เป็นประตูแรกของเดนมาร์กในยูโรหนนี้ด้วย
อาสเกอร์ โบเยอ นักข่าวของ Weekendavisen สื่อเดนมาร์ก ย้อนไปถึงวันที่เกิดเรื่องเศร้ากับอีริกเซ่น ว่า วันนั้นตัวเขาเองอยู่ในปาร์เก้น สเตเดียม และเห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การที่อีริกเซ่นยิงประตูได้ในในยูโรจึงเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากๆ สำหรับแฟนบอลเดนมาร์ก เพราะเขาเป็นคนดังของประเทศ
อีริกเซ่นอาจจะไม่ได้เป็นกำลังสำคัญของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่แล้ว ลงเล่นไป 1,432 นาทีให้ทีมปีศาจแดง ยิง 1 แอสซิสต์ 3 ประตู แต่สำหรับทีมชาติ แคสเปอร์ ยุลมันด์ กุนซือทีมโคนมยังคงมองว่าแดนกลางวัย 32 ปี เป็นคนสำคัญของทีมเสมอ
“ผมไม่เคยสงสัยในตัวอีริกเซ่นในการเป็นนักฟุตบอลเลย และไม่สามารถที่จะเมินนักเตะที่มีคลาสระดับนี้ได้ เขาเป็นนักเคะที่รู้จังหวะของเกม ถึงจะโดนวิจารณ์ว่าไม่ค่อยได้ลงสนามให้สโมสร แต่วันนี้เขาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพ และอยากจะลงเล่นเกมต่อไปเต็มทีแล้ว” ยุลมันด์กล่าว
นักเตะที่เคยอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย เคยเปิดใจในการรับรางวัลนักกีฬาที่กลับมาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแห่งปี ของลอเรอุส สปอร์ตส อวอร์ดส์ ไว้ว่า เมื่อผ่านช่วงเวลาแย่ๆ ไปแล้ว ก็ยังมีเวลาที่จะได้เจอสิ่งที่แตกต่างออกไป เคยได้ยินคำพูดหนึ่งที่บอกว่า เมื่อคุณรู้สึกดี หลังจากนั้นคุณก็จะต้องรู้สึกแย่ และจะเจอเรื่องดีๆ อีกครั้ง ชีวิตมีขึ้นมีลงเสมอ เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของทุกคน
เวลาแย่ๆ ได้ผ่านไปแล้ว และเวลาที่ดีก็วนกลับมาถึงอีริกเซ่นอีกครั้ง ท่ามกลางประจักษ์พยานทั่วโลกฟุตบอลที่อยู่เคียงข้างเขา ทั้งในวันที่แย่และวันที่ดี
เทพนิยายเดนส์ในการคว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่นิทานที่เกิดขึ้นจริงกับชีวิตของอีริกเซ่น จะเป็นนิทานก่อนนอนที่พ่อแม่จะเล่าให้เด็กๆ หลายคนฟัง หลังจากนี้อย่างแน่นอน